“เกศปรียา” จี้รัฐบาลเดินหน้า #ผ้าอนามัยฟรี ต้องเป็นสวัสดิการของสตรีไทย

‘เกศปรียา’ กระทุ้งรัฐบาลเนื่องในวันสตรีสากล สตรีไทยต้องเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นสตรี #ผ้าอนามัยฟรี ต้องเป็นสวัสดิการของสตรีไทย

 

วันที่ 8 มีนาคม 2565 เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ เผยว่า จากที่ตนเคยเปิดประเด็นเรื่องภาษีผ้าอนามัยตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี พุทธศักราช 2562 ว่าควรเป็นสินค้าสวัสดิการ และยกเลิกภาษีทุกรูปแบบ นี่เวลาผ่านมา 2 ปี กว่ารัฐบาลที่มุ่งรักษาอำนาจตัวเองไม่ได้ทำอะไรในเรื่องนี้เลย วันนี้ (8 มีนาคม) เป็นวันสตรีสากล เดียร์ยังต้องรณรงค์ต่อไปเพื่อให้สตรีไทยเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นสตรี โดย #ผ้าอนามัยฟรี ที่เดียร์เคยเสนอให้บรรจุไว้ในบัญชียาในบัญชีหลักประกันสุขภาพ เพื่อเป็นสวัสดิการของสตรีไทย ต้องเกิดขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ เพราะผ้าอนามัยเป็นปัจจัยที่ 5 ของประชากรสตรีที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้งควรแก้ไขให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้ายกเว้นภาษีทุกประการ

ขณะนี้หลายประเทศได้ยกเลิกภาษีผ้าอนามัย มาเลเซียเพื่อนบ้านของเราก็ยกเลิกภาษีผ้าอนามัยแล้ว และ สก๊อตแลนด์ที่เป็นประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วได้มีการกำหนดกฎหมายให้ผู้มีประจำเดือนใช้ผ้าอนามัยฟรี

เกศปรียา ชี้ต่อว่า รัฐบาลที่นำโดยคุณประยุทธ์ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เลยในเวลา 2 ปีกว่า ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายกับรัฐบาลขั้นสุด มีมุขตลกตามโซเชียลมากมายว่า เป็นรัฐบาลมีหน้าที่นั่งทับเก้าอี้ที่ไล่ยังไงก็ไม่ไป ตัวรัฐบาลเองก็น่าจะรู้ถึงได้เลือกทำทุกวิถีทางที่จะรักษาอำนาจของตน เป็นประเด็นสำคัญอันดับ 1 แทนที่จะมีวิสัยทัศน์นำประเด็นสิทธิเสรีภาพที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนมาพิจารณา หรือนำประเด็นที่มีผู้ชี้แนะหยิบยกมาพิจารณาแก้ไข ซึ่งรัฐบาลไม่คิดจะทำ

นี่คือตัวอย่างของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารบ้านเมือง ถนัดแต่รักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตนเอง รัฐบาลนี้ถนัดแต่จะหาเรื่องปล่อยข่าวดิสเครดิตทะเลาะกับเด็กเยาวชนคนคิดต่างที่เป็นอนาคตของชาติ รัฐบาลขยันสร้างความขัดแย้งในชาติให้ไม่มีที่สิ้นสุด โดยประเทศไม่ได้อะไร นอกจากลดทอนความสามารถของประเทศลงไปเรื่อย และโกงเวลาอนาคตของคนรุ่นใหม่ไปวันๆ เท่าอายุของรัฐบาล

“ตนจะรณรงค์และออกมาเรียกร้องกับรัฐบาลเพื่อให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้าไม่มีภาษี เช่น ในประเทศอินเดีย เลบานอน เคนยา ไนจีเรีย เทนซาเนีย จาไมกา นิการากัว ไอร์แลนด์ แคนาดา เยอรมัน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) และ มาเลเซีย เพื่อต่อยอดไปยังการรณรงค์ให้ผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการของรัฐในอนาคตเช่น สก๊อตแลนด์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ และภาระค่าใช้จ่าย กับผ้าอนามัย ที่เป็นปัจจัยที่ 5 ให้ประชากรสตรีที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ จนกว่าจะเป็นผลสำเร็จ” โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าว