การเมืองหลังชินวัตร โดย : นิธิ เอียวศรีวงศ์

การเมืองไทยหลังชินวัตรจะเป็นอย่างไร? เป็นปัญหาที่กำลังได้รับความสนใจกันมาก

แต่ก่อนที่ผมจะขอเข้าไปมีส่วนร่วมออกความเห็นบ้าง ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า จนถึงนาทีที่เขียนบทความนี้ ผมไม่ทราบว่าคุณยิ่งลักษณ์หายตัวไปไหน ผมเลี่ยงคำว่า “หนี” เพราะไม่ทราบว่าท่าน “หนี” หรือไม่ เพราะท่านยังไม่ได้แถลงอะไรออกมาสักคำ ผมมั่นใจว่าในอนาคต จะอีกนานเท่าไรไม่ทราบ อะไรเกิดขึ้นกันแน่จะกระจ่างแจ้งสักวันหนึ่ง

แม้ในเวลานี้ ก็มีข่าวปรากฏในสื่อโซเชียลว่า ในวันที่ 23 สิงหาคม หลังจากนมัสการหลวงพ่อโตที่วัดระฆังแล้ว คุณยิ่งลักษณ์กลับบ้าน และในตอนเย็นวันเดียวกัน ท่านได้ร่วมรับประทานอาหารกับคนสนิทที่เป็นผู้บริหารอยู่ในบริษัทเอสซีแอสเสท ซึ่งท่านเคยเป็นผู้บริหารมาก่อน ในวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งคุณยิ่งลักษณ์ไม่มีกิจกรรมสาธารณะเลย แต่พระภิกษุของวัดแห่งหนึ่งหลายรูป (ในข่าวระบุชื่อวัดไว้ แต่ผมจำไม่ได้) ได้รับนิมนต์ให้ไปบิณฑบาตที่บ้านของคุณยิ่งลักษณ์ และได้เห็นคุณยิ่งลักษณ์อยู่ที่บ้านในเช้าวันนั้น

ต่อมา ผบ.ตร.ก็ออกมาแถลงว่า ได้สอบถามไปทางกัมพูชาและสิงคโปร์แล้ว ได้คำตอบว่าไม่มีหลักฐานการเข้าเมืองของคุณยิ่งลักษณ์ในที่ทั้งสองแห่ง

น่าเสียดายที่เราอยู่ในประเทศที่มีสื่อไร้กึ๋นอย่างในทุกวันนี้ ผมจึงไม่พบว่ามีสื่อแหล่งใด ที่ส่งนักข่าวไปตรวจสอบผู้บริหารของบริษัทเอสซีแอสเสท หรือพระภิกษุของวัดนั้นสักรายเดียว แล้วก็น่าประหลาดใจที่ลงทุนกันเป็นร้อยเป็นพันล้านเพื่อทำสื่อ แต่ไม่มีเส้นสายที่จะตรวจสอบข่าวสำคัญขนาดนี้ในกัมพูชาและสิงคโปร์เลย ฉะนั้น ผมจึงไม่แน่ใจว่าข่าวทั้งสองในสื่อโซเชียลนั้นเป็นข่าวจริงหรือข่าวเท็จ ผมไม่ใช้คำว่า “หนี” เพราะไม่รู้ว่าท่านหนีหรือไม่

หากเป็นข่าวจริง จากตักบาตรเสร็จในเช้าวันที่ 24 จนถึงเช้าวันที่ 25 เท่านั้น ที่คุณยิ่งลักษณ์จะมีเวลาตัดสินใจว่าจะไปศาลหรือไม่ และถ้าไม่ไป จะทำอะไรกับตัวเอง ท่านตัดสินใจกับใคร คนเดียวหรือร่วมกับคนอื่น และหากเป็นคนอื่น เขาเป็นใคร คุณทักษิณหรือศัตรูคุณทักษิณ

มันมีอะไรไม่ค่อยชัดในการหายตัวไปของคุณยิ่งลักษณ์อยู่มาก ซึ่งผมมั่นใจว่าวันหนึ่งจะชัดอย่างแน่นอน ผมมั่นใจด้วยว่าเธอไม่ได้ถูกอุ้ม เพราะหากเป็นเช่นนั้น คุณทักษิณคงไม่นั่งเงียบจนป่านนี้ การหายตัวไปของคุณยิ่งลักษณ์ต้องมาจากการยินยอมของตัวคุณยิ่งลักษณ์เองด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในความคิดของท่าน หรือดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร โอกาสที่คุณยิ่งลักษณ์จะลงเล่นการเมืองในอนาคตนั้นทำไม่ได้ ตราบเท่าที่ คสช.ยังมีอำนาจอยู่ ข้อนี้รู้กันมานานแล้ว เพราะถูกถอดถอนโดยสภาแต่งตั้ง แต่ก็รู้กันอยู่เหมือนกันว่า ถึงไม่มีสิทธิลงเลือกตั้งหรือรับตำแหน่งทางการเมือง คุณยิ่งลักษณ์ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ปัญหาทางคดีจึงอยู่ที่ว่าหากคุณยิ่งลักษณ์ถูกตัดสินจำคุก ตัวคุณยิ่งลักษณ์ก็เคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ได้ (แต่อาจกลายเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนอื่นหนักขึ้นไปอีก)

ดังนั้น การที่คุณยิ่งลักษณ์หายไป ถึงมีผลกระทบแก่พรรค พท.เหมือนกันแต่ไม่สู้จะมากนัก ไม่ว่าจะอยู่ในคุกหรือในต่างประเทศ คุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่มีพลังทีเดียว และคงไม่มีทางที่พรรค พท.จะไม่ใช้ประโยชน์

เป็นเพียงสัญลักษณ์ ก็เพราะที่บางคนหวังว่าคุณยิ่งลักษณ์จะออกแถลงการณ์ให้เหตุผลถึงความไม่เป็นธรรมในกระบวนการทางการศาลของไทย นับตั้งแต่การตั้งข้อหา การส่งฟ้อง การพิจารณาคดี ฯลฯ พูดอีกอย่างหนึ่งคือออกแถลงการณ์เพื่อชนกับระบบที่เอื้อต่อเผด็จการทหารในเมืองไทยเวลานี้ ผมไม่คิดว่าคุณยิ่งลักษณ์จะทำ

คุณทักษิณซึ่งสามารถออกแถลงการณ์ประเภทชนระบบได้มาตั้งนานแล้ว ยังไม่เคยทำ เหตุใดจึงคิดว่าคุณยิ่งลักษณ์จะทำล่ะครับ

การเมืองของชินวัตร (หากชินวัตรมีการเมืองที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจริงอย่างที่เชื่อๆ กัน) ไม่ใช่การเมืองประเภทชนระบบนะครับ จะเรียกว่าเกี้ยเซี้ยหรือตกลงกันได้หรืออะไรก็ตามที ตระกูลชินวัตรเติบโตและลอยอยู่เหนือคลื่นของระบบที่ไม่เป็นธรรมของประเทศไทย คุณทักษิณฉลาดพอจะรู้ว่า เพื่อจะลอยฟ่องเหนือคลื่นนี้ได้ ก็ต้องหนุนให้คลื่นนี้ยังซัดสาดเหมือนเดิมต่อไป เพียงแต่พลังที่ผลักคลื่นแห่งความไม่เป็นธรรมนี้กำลังจะแตกสลายภายใน และอาจจะถูกพลังจากข้างล่างปะทะแรงขึ้น คุณทักษิณจึงเสริมพลังของคลื่นด้วยการลดพลังของข้างล่าง ด้วยนโยบายที่ถูกเรียกว่าประชานิยม

ในปัจจุบัน ผู้นำของรัฐพันลึกไทย ต้องฉลาดเท่าหรือยิ่งกว่าคุณทักษิณเท่านั้น ไม่อย่างนั้นทนคลื่นลมในตอนนี้ไม่ไหวหรอกครับ

จะหวังให้ชินวัตรชนระบบ จึงออกจะเพ้อฝันเกินไป โจวเอินไหลไม่ได้เที่ยวสุ่มสี่สุ่มห้าเกิดนี่ครับ ถ้าชินวัตรจะกลับมาได้สักวันหนึ่ง พวกเขาก็น่าจะอยากเห็นระบบในเมืองไทยเป็นอย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้แหละ ลบอิทธิพลทหาร สื่อ เอ็นจีโอ นักวิชาการ และอะไรอื่นอีกบางอย่างลงบ้างเท่านั้น

อีกข้อหนึ่งที่ผมอยากชวนให้มองคือในทางกลับกัน นักการเมืองในพรรค พท.จำนวนมากทีเดียว ไม่มีที่ไปนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครต้องการพวกเขา ใครๆ รวมทั้งพรรคทหาร (ถ้ามี) ก็ต้องการทั้งนั้น แต่ถ้าไปอยู่พรรคอื่นไม่มีทางที่จะดีกว่าพรรค พท. เพราะโอกาสจะได้รับเลือกตั้งน้อยกว่ากันมาก ไปอยู่ประชาธิปัตย์หรือพรรคทหารหรือภูมิใจไทย คนที่นิยมพรรคเหล่านี้ก็ไม่ไว้ใจคนที่มาจากเพื่อไทย และคงไม่ลงคะแนนให้

ยี่ห้อเพื่อไทยนั้นเป็นทั้ง liability (ภาระ) และ asset (ข้อได้เปรียบ) ไปพร้อมกัน ได้เปรียบเพราะมีนโยบายที่เรียกว่าประชานิยมประทับ แต่เป็นภาระว่าจะถอยหรือแปรเปลี่ยนไปจากนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะถอยหรือแปรเปลี่ยนไปจากยี่ห้อ

แฟ้มภาพแกนนำพรรคเพื่อไทย

ดังนั้น หากการเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นผู้สมัครของ พท.ก็น่าจะมีโอกาสดีที่สุด แม้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างเดียวกับประชามติรัฐธรรมนูญ (เช่น ห้ามหาเสียง ห้ามพูดเรื่องนโยบาย ห้ามแจกแม้แต่เบอร์ของตนเอง ฯลฯ) ถึงแพ้ แต่คะแนนที่ได้ก็น่าตะลึงทีเดียว หากพรรคเดียวได้ 10 ล้านเสียง ถึงไม่ได้เป็นรัฐบาล (เพราะพรรคอื่นฮั้วกันเอาทหาร) ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีน้ำหนักที่หนักอึ้งทีเดียว ทั้งในสภาและนอกสภาด้วย

ดังนั้น มีหรือไม่มีชินวัตร พรรค พท.ก็ยังอยู่

ผมจึงคิดว่าโง่มากหาก พท.ตัดสินใจเอาสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นหัวหน้า เพราะเท่ากับทำให้ความได้เปรียบทางการเมืองของ พท.ลดเหลือศูนย์ คุณสุดารัตน์จะดีเลวอย่างไร ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่เธอมีชื่อเสียงว่าไปกับทหารได้ ถ้า พท.ไปกับทหารได้ แล้วจะเลือก พท.ทำไมล่ะครับ เหตุผลที่คนจำนวนไม่น้อยจะเลือก พท.ก็หายไป ลงคะแนนไม่ใช้สิทธิดีกว่า เวลานี้บางสายของ พท.กำลังปั๊มให้คุณสุดารัตน์เป็นผู้นำ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ใครๆ เขาก็ยกเรื่องนี้ให้แก่หมอหงวน หมอเลี้ยบ และคุณทักษิณเอง จู่ๆ จะไปยกให้แก่คนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขช่วงนั้นหน้าตาเฉยได้อย่างไร ถ้าจะกล่าวเท็จ ควรเนียนกว่านี้แยะ คุณสุดารัตน์ที่ไม่มีเพื่อไทย จึงไม่เป็นแม้แต่สัญลักษณ์ของประชานิยม

แต่ก็คิดกันว่า เมื่อไม่มีชินวัตร ก็ไม่มีใครเลือกล่ะสิ เพราะเขานิยมชินวัตรต่างหาก ที่ทำให้เขาเลือกเพื่อไทย

งานวิจัยเกี่ยวกับการตัดสินใจในการเลือกตั้งในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (แม้แต่งานวิจัยประเภทนับเลขของสำนักพฤติกรรมศาสตร์) พบอย่างเดียวกันว่า ผู้เลือกตั้งใช้เหตุผลข้อมูลในการตัดสินใจซับซ้อนกว่าความนิยมตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว ตัวบุคคลก็สำคัญแต่ไม่ใช่อย่างเดียว แม้ไปถาม เขาอาจบอกว่าเขาชอบทรัมป์ ชอบผู้หญิง ชอบคนดำ หรือชอบทหาร แต่หากถามเป็นก็จะล้วงเอาเหตุผลสลับซับซ้อนที่ไม่ได้บอกกล่าวอีกมาก

ดังนั้น ถึงไม่มีชินวัตร คะแนนของ พท.อาจลดลง แต่ไม่ใช่ไม่ได้เลย ได้มากอย่างที่ฝ่ายอื่นไม่ชอบด้วย เพราะในปัจจุบัน มีเหตุผลเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่างที่น่าจะทำให้ผู้คนเลือก พท. ทั้งๆ ที่อาจไม่ชอบทั้งชินวัตรทั้งเพื่อไทย เช่น

กูไม่มีวันจะยอมให้ประชาธิปัตย์เงยหน้าอ้าปากในบ้านกูเป็นอันขาด กูจะไม่ยอมให้ คสช.มันอยู่สบายจนลอยนวลไปได้ง่ายๆ ในวันหนึ่งข้างหน้า กูจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้รัฐธรรมนูญมันไม่เวิร์กสำหรับมึง กูทนวิษณุ เครืองาม ไม่ไหวแล้ว กูอยากเปลี่ยนสมคิดและทีม ฯลฯ

แต่ไม่มีชินวัตร พท.ก็ไม่มีเงิน

ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าชินวัตรจะไม่อุดหนุนเงินแก่ พท.อีก คิดอย่างหยาบๆ คุณซื้อของมา “ใช้” ของนั้นก็ยังใช้ได้อยู่ แล้ววันหนึ่งคุณก็โยนมันทิ้งไปเสียเฉยๆ เพราะไม่มีตราตระกูลประทับอยู่บนของนั้นแล้ว อย่าลืมนะครับว่า ทั้งพลังประชาชนและเพื่อไทย เคยมีหัวหน้าที่ไม่ใช่ชินวัตรมาแล้ว แต่ชินวัตรก็ยังคุมทั้งสองพรรคได้อยู่ไม่ใช่หรือ ระหว่างคนออกเงินกับหัวหน้าพรรค ใครจะคุมพรรคได้ดีกว่ากัน

จะดีชั่วอย่างไรก็ตาม พรรค พท.ไม่ใช่ไม้จิ้มฟันนะครับ โดยตัวของมันเองก็มีคุณค่าและคุณประโยชน์ในตัวมันเอง ทั้งแก่ชินวัตรและไม่ใช่ชินวัตร ดังนั้น ชินวัตรจึงไม่น่าทิ้ง พท.เหมือนโยนไม้จิ้มฟันทิ้งแน่ อย่าลืมว่าเครื่องมือต่อรองทางการเมืองของชินวัตรเวลานี้เหลืออยู่แค่นี้แหละ ถ้าเขามีเงิน เขาก็น่าจะทุ่มลงไปกับเพื่อไทยมากกว่าทุกครั้งด้วยซ้ำ

แม้แต่ชินวัตรไม่ควักกระเป๋าแล้ว คนที่พร้อมจะควักยังมีอีกมาก รวมทั้ง ส.ส.ในพรรคเอง ก็บอกแล้วว่า พท.ไม่ใช่ขี้ไก่ ควักแล้วใช้ประโยชน์ได้แน่ แม้แต่เสี่ยอีกมากที่หนุนหลัง คสช.เวลานี้ หากสามารถจ่ายโดยไม่มีใครรู้ได้ก็คงจ่าย ใครจะอยากอยู่กับ คสช.โดยไม่มีอำนาจต่อรองเลย มีแต่พวกเราเท่านั้น ต้องอยู่เพราะไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้

แน่นอนครับ การเมืองไทยที่ไม่มีชินวัตรคงแตกต่างจากที่ผ่านมา แต่อย่าเพิ่งสรุปว่าต้องไม่มีชินวัตร หรือถึงไม่มีชินวัตรจริง ก็ไม่เปลี่ยนถึงขนาดที่ คสช.จะอยู่สบายหรอกครับ

ในยุคสมัยที่เราไม่ต้องให้คนอื่นทำสื่อให้เราแล้ว เพราะประชาชนสามารถสื่อสาธารณะกันเองได้อย่างสะดวก ถึงสื่อเดิมจะไม่มีกึ๋น เสียงของประชาชนก็ยังดังผ่านสื่อโซเชียลอยู่นั่นเอง ดังนั้น แม้แต่ประชาธิปัตย์ซึ่งสมมุติว่าไปรองรับรัฐบาลทหาร ตราบเท่าที่เป็นพรรคการเมือง ก็ต้องดีดดิ้นไปตามจังหวะที่สื่อประชาชนทำเสียงดังอยู่นั่นเอง

ก็ดีเหมือนกันที่ชะตากรรมของบ้านเมืองจะตกอยู่ในมือของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บรรยากาศของการเมืองที่เปลี่ยนไปหลังการเลือกตั้ง แม้เป็นการเลือกตั้งปาหี่ ก็ทำให้ คสช.นอนตาไม่หลับอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีชินวัตร ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเพื่อไทย