สื่อดังญี่ปุ่นมอง รบ.ไทยทุ่มงบพัฒนาอีสาน หวังดึงฐานเสียงเพื่อไทย หลัง ‘ยิ่งลักษณ์’ หลบหนี

วันที่ 29 สิงหาคม นิคเคอิ เอเชี่ยน รีวิว เว็บไซต์ข่าวด้านเศรษฐกิจชื่อดังของญี่ปุ่น รายงานว่า รัฐบาล คสช.ได้ทุ่มงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นความพยายามที่จะดึงมวลชนออกจากการสนับสนุนพรรคการเมืองของตระกูลชินวัตรอย่างพรรคเพื่อไทย โดยแผนการณ์นี้ประกาศขึ้นในช่วงที่การตัดสินคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและน้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร กำลังใกล้เข้ามา แต่ในที่สุด ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปรากฎตัวที่ศาลและมีรายงานว่าได้เดินทางออกนอกประเทศไปนครดูไบแล้ว ซึ่งหลังการหลบหนีของยิ่งลักษณ์ รัฐบาล คสช.คาดหวังว่าจะพยายามไปอีกขั้นที่จะลดกำลังฐานเสียงของตระกูลชินวัตร

ด้านสื่อไทยส่วนใหญ่รายงานว่า ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางไปดูไบ ผ่านกัมพูชาและสิงคโปร์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอ้างคำกล่าวของนายทหารระดับสูงของทางการไทยว่า ยิ่งลักษณ์เดินทางไปนครดูไบและอาจเตรียมลี้ภัยที่อังกฤษ อีกทั้งยังมีข่าวลือจำนวนมากว่ากองทัพให้ความช่วยเหลือให้ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศได้สะดวก ไม่ว่าทางหนึ่งทางใด สัญญาณของวิกฤตได้ก่อตัวภายในพรรคเพื่อไทยที่ทักษิณตั้งขึ้น แม้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นตัวหลัก แต่ด้วยความที่เป็นน้องสาวของทักษิณ แกนนำพรรคเพื่อไทยยอมรับว่าการเดินทางออกนอกประเทศของยิ่งลักษณ์ ได้ส่งผลต่อความนิยมของพรรค

 

ความเหลื่อมล้ำอันชัดเจน

ยิ่งลักษณ์ได้หาทางออกนอกประเทศเพียงไม่กี่วันหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนำคณะรัฐมนตรีไปยังจังหวัดนครราชสีมา โดยระหว่างการจัดประชุม ครม.สัญจรเมื่อวันอังคารที่แล้ว (22 สิงหาคม) และได้จัดแพ็กเกงบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงโครงการถนนซุปเปอร์ไฮเวย์จำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท โดยหลายโครงการตามแผน ประกอบด้วยงบการเงินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน ซึ่งประยุทธ์ยอมรับว่าภาคอีสานนั้นขาดแคลนและให้คำมั่นว่าจะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น

นิคเคอิ เอเชีย รีวิวชี้ว่า มันจึงไม่ใช่ความลับที่ว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองซึ่งได้แยกประเทศไทยจะเชื่อมโยงกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ภาคอีสานของไทยถูกระบุว่ามีผลิตภัณฑ์มวลรวมอยู่ประมาณ 75,000 บาทในปี 2556 ขณะที่ภาคเหนืออยู่ที่ 98,000 บาท จึงเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคที่เป็นมิตรกับทักษิณมีสัดส่วนน้อยกว่าพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งผลทำให้การเลือกตั้งในปี 2554 ยิ่งลักษณ์นำพรรคเพื่อไทยพร้อมให้คำมั่นว่าจะช่วย 2 ภูมิภาคนี้ ส่วนหนึ่งคือโครงการรับจำนำข้าวที่กลายเป็นคดี ชัยชนะแบบถล่มทลายครั้งนั้นของพรรคเพื่อไทย สะท้อนความไม่พอใจของผู้คนที่รู้สึกว่าการพัฒนาของประเทศไทยได้มองข้ามพวกเขาไป

ทั้งนี้ นิคเคอิ เอเชี่ยน รีวิว ทิ้งท้ายว่า ณ ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยกำลังเจอบทท้าทายในการสร้างพรรคใหม่ในยามไร้ยิ่งลักษณ์ ขณะที่สงครามยืดเยื้อของการเลือกตั้งครั้งต่อไปยังคงร้อนระอุ แต่อย่างน้อย สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงของทุกกลุ่มอำนาจทางการเมืองไทย นั้นคือ มีเพียงความทุ่มเทที่จะสื่อถึงทุกสังคมเท่านั้น ที่จะนำไปสู่การสนับสนุนอย่างกว้างขวาง