แอฟริกาใต้โอด “ถูกลงโทษ” จวกยับชาติร่ำรวยต้นเหตุเกิด “โอไมครอน”

วันที่ 28 พ.ย. บีบีซี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคโควิด-19 หลังพบการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ “โอไมครอน” (บี.1.1.529) ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 115 คนใน 9 ประเทศ รวมถึงแอฟริกาใต้ บอตสวานา ฮ่องกง สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี อิสราเอล เบลเบียม และสาธารณรัฐเช็ก

ด้านกระทรวงการต่างประเทศแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์ภายหลังรัฐบาลในหลายประเทศประกาศคุมเข้มห้ามผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้เข้าพรมแดนว่า การค้นพบเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ถือเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ซึ่งแอฟริกาใต้สมควรได้รับการชื่นชมยินดี ไม่ใช่ลงโทษด้วยการกีดกันห้ามเข้าประเทศ

“วิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมนี้ควรได้รับการปรบมือและไม่ถูกลงโทษ คำสั่งห้ามดังกล่าวเหมือนเป็นการลงโทษแอฟริกาใต้ต่อการวิเคราะห์การจัดลำดับเบสของสารพันธุกรรมขั้นสูง และความสามารถในการตรวจจับตัวแปรใหม่ได้เร็วขึ้น”

แถลงการณ์บางส่วนของกระทรวงต่างประเทศแอฟริกาใต้ระบุ และว่าปฏิกิริยาตอบสนองที่ทั่วโลกมีต่อแอฟริกาใต้หลังพบเชื้อชนิดใหม่นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อมีการพบโควิดกลายพันธุ์ในหลายประเทศก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน สหภาพแอฟริกา (เอยู) กล่าวว่าประเทศพัฒนาแล้วเป็นต้นเหตุของตัวแปรดังกล่าว
“สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือผลมาจากความล้มเหลวของโลกในการฉีดวัคซีนอย่างเท่าเทียม เร่งด่วน และรวดเร็ว”

“นี่เป็นผลจากการกักตุนวัคซีนของบรรดาประเทศที่มีรายได้สูงและค่อนข้างสูง ขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ การห้ามการเดินทางนี้อยู่บนพื้นฐานการเมือง ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ นี่มันผิด… ทำไมเราถึงปิดกั้นแอฟริกาในเมื่อไวรัสนี้กระจายไป 3 ทวีปแล้ว” นายอโยอาเด อาลากิจา ประธานร่วมหน่วยงานพันธมิตรว่าด้วยการจัดการวัคซีนของสหภาพแอฟริกากล่าว