สภาผู้ส่งออก ฟ้อง WTO เร่งแก้วิกฤตการขนส่งสินค้าทางทะเล เปิด 4 ทางออก

สภาผู้ส่งออก ฟ้อง WTO เร่งแก้วิกฤตการขนส่งสินค้าทางทะเล เปิด 4 ทางออก

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) กล่าวถึงผลเข้าร่วมประชุมออนไลน์ในหัวข้อ COVID-19 and Rising Shipping Rates: What Are the Factors in Play and What Can Be Done ร่วมกับนางเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก และนางแอนนาเบล กอนซาเลซ รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก และแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกับตัวแทนจากชาติสมาชิก อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน สิงคโปร์ มอริเชียส ฮอนดูรัส และมองโกเลีย เมื่อคืนวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าได้ชี้แจงต่อองค์การการค้าโลกถึงสถานการณ์ปัญหาและผลกระทบจากวิกฤตการขนส่งสินค้าทางทะเล ต่อการส่งออกไทยและระบบเศรษฐกิจทั่วโลก อาทิ การปรับขึ้นของค่าระวางเรือประมาณ 7-10 เท่า ในเส้นทางเดินเรือหลัก ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นวิกฤติระดับโลก ส่งผลต่อการปรับขึ้นของมูลค่าของสินค้า ซัพพลายเชนภาคการผลิตเริ่มไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2021

ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้ส่งออกไทยโดยเฉพาะ SME การแข่งขันด้านราคาโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าเกษตรจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากและเป็นสินค้าส่งออกพื้นฐานที่สำคัญของไทย ผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน (Cash flow) รวมถึงปัญหาการพัฒนาประสิทธิภาพท่าเรือของไทย (Port efficiency) ทั้งในประเด็นแรงงานและเครื่องมืออำนวยความสะดวก ที่ใช้ในการบริหารจัดการยังไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดปัญหาความแออัดบริเวณท่าเรือ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสายเรือไม่สามารถจัดสรรตู้คอนเทนเนอร์และระวางเรือให้ตามสัญญาที่ได้ลงนามไว้ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในเวที WTO โดยขอให้องค์การการค้าโลกมีการตั้งคณะกรรมการ “Fair Trade Committee” เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาและกำหนดกรอบการกำกับดูแล (Guideline) ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางการค้าของประเทศสมาชิก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างสายการเดินเรือและผู้ส่งสินค้าโดยเฉพาะ SME โดยทั่วไปสายเรือจะมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าในการกำหนดปริมาณเรือ ระวางสินค้า ค่าระวาง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งสินค้าทางทะเล การควบคุมการปฏิบัติตาม Service Contract อย่างเป็นรูปธรรมจะช่วยผู้ส่งออกรวมทั้ง SME ทำให้สายเรือสามารถรักษาระดับคุณภาพบริการการขนส่งสินค้าทางทะเลที่สามารถตอบสนองการพัฒนาด้านการค้าระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืน เป็นรูปธรรมและสามารถดำเนินการกำกับดูแลได้ทั่วโลก

นายชัยชาญ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีความเห็นต่อแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว อาทิ 1) การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในเพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท่าเรือ และเชื่อมต่อกับการปฏิบัติงานของโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าในท่าเรือ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเจ้าของสินค้า ผู้ขนส่ง สายเรือ ท่าเรือ หรือหน่วยงานภาครัฐที่ออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้สอดคล้องกับความตกลงด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO’s Trade Facilitation Agreement: WTO’s TFA) และลดปัญหาความล่าช้าของเรือและความแออัดในท่าเรือ

2) ในระยะยาวต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มศักยภาพท่าเรือให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ลดการติดขัดในการปฏิบัติงานและความแออัดของท่าเรือซึ่งนำไปสู่ความล่าช้าในการหมุนเวียนตู้สินค้าทั่วโลกซึ่งนำไปสู่ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลน

3) การส่งเสริมของภาครัฐ โดยเฉพาะการช่วยเหลือ SMEs ด้านเงินทุน และการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่ง อาทิ การส่งเสริมและเร่งรัดให้เกิดเชื่อมโยงของท่าเรือภายในภูมิภาค การอำนวยความสะดวกในการรวบรวมสินค้าของผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับสายเรือ

4) ขอให้มีมาตรการและกลไกช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมและมีผลผูกพันทางกฎหมายเพื่อให้แต่ละประเทศตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวที่ส่งผลกระทบทั่วโลก