‘คณะก้าวหน้า’ ประกาศเตรียมล่ารายชื่อ ยกเลิก ม.112 ลั่นถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย

วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ คณะก้าวหน้า ได้ออกมาโพสต์ข้อความจุดยืนของกลุ่มต่อข้อถกเถียงเรื่องการใช้มาตรา 112 และการจับกุมนักโทษการเมืองจำนวนมากในช่วงไม่นานนี้ และความเคลื่อนไหวล่าสุดของคณะราษฎร ในการชุมนุม ราษฎรประสงค์ยกเลิก 112 ที่แยกราชประสงค์เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า

หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย

จะชอบหรือไม่ชอบแต่เราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ามีคนจำนวนมากมองสถาบันกษัตริย์ไม่เหมือนที่รัฐไทยพยายามอยากให้มอง มากถึงขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และส่วนใหญ่ก็เป็นเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติด้วย
.
ที่ผ่านมามีเยาวชนอนาคตของชาติถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 เพียงเพราะพวกเขาพูดความจริงในสังคมไทย และมีบางส่วนที่แม้จะคิด แต่ไม่ได้พูด ไม่ได้แสดงออก เลยยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่หากสถานการณ์ในประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วมโนธรรมสำนึกทำให้เขาต้องพูดความจริง ใครจะรู้ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครต่อไปหรือจะเป็นลูกหลานของใครที่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกจากการพูดความจริง
.
เมื่อมีคนจำนวนมากมองเห็นเช่นนั้น นี่จึงไม่ใช่เรื่องปัญหาส่วนบุคคล แต่คือภาพใหญ่ในเชิงโครงสร้าง เป็นเรื่องของคนจำนวนมาก เป็นเรื่องของคนทั้งสังคม หากเป็นเช่นนั้นจะจับขังคุกอีกสักกี่คนก็ไม่สามารถหยุดสายธารของการเปลี่ยนแปลงและหยุดความคิดของพวกเขาไปได้ และที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าการใช้นิติสงคราม มาสร้างความกลัวเพื่อปิดปากไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้ ตรงกันข้ามกลับยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับคนทั้งเจอเนอเรชั่นและคนจำนวนมากในสังคมไปด้วย
.
ทางเดียวเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ได้ จึงไม่ใช่จับใครก็ตามไปขังไว้ในคุกและสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว แต่คือการต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยและหลักการประชาธิปไตย
.
แม้ว่าการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จำเป็นต้องใช้พลังของคนเป็นวงกว้างทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เพื่อให้ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กลายเป็นความเห็นพร้องต้องกันของสังคม และการที่จำทำให้เกิดสิ่งนั้นได้ ต้องมีรูปแบบการรณรงค์และทำงานทางความคิดที่หลากหลาย
.
ข้อเสนอต่อประเด็นกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะมาตรานี้มีปัญหาทั้งตัวบท การนำไปใช้ การตีความ และปัญหาในเชิงโครงสร้าง รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่รัฐบาลใช้ดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง กฎหมายมาตรานี้จึงไม่ใช่แค่เป็นกฎหมายหมิ่นประมาทธรรมดา แต่ยังเป็นภาพแทนของสถาบันกษัตริย์ นี่จึงไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ทางการเมืองและประเด็นแวดล้อมอื่นๆ ด้วย เราจึงได้เห็นปัญหาและความท้าทายมากมายในสังคมไทยจากกฎหมายอาญามาตรา 112
.
เพื่อให้การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เป็นไปได้ เพื่อให้กฎหมายอาญามาตรา 112 ถูกพูดคุยถกเถียงเป็นวงกว้าง เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่พูดคุยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และเพื่อให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันใช้เสรีภาพในการแสดงออก เพราะทั้งหมดนี้จะทำให้สังคมไทยสามารถเดินออกจากวิกฤติ ก้าวไปสู่การออกแบบอนาคตร่วมกันและทำให้ทุกคนทุกฝ่ายทุกอุดมการณ์ความฝันอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
.
ดังนั้น การเกิดขึ้นของ #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112 จึงมีความสำคัญต่อขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และทำให้ข้อถกเถียงเรื่องมาตรา 112 กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง
.
ด้วยเหตุนี้พวกเราคณะก้าวหน้าจึงพร้อมเดินหน้าร่วมรณรงค์ ล่ารายชื่อให้ได้มากที่สุด และนำประสบการณ์และองค์ความรู้จากการเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ #ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ มาสนับสนุนการทำแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าชื่อเสนอกฎหมายเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากตาม พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมายฉบับใหม่ ประชาชนสามารถร่วมลงชื่อผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว โปรดติดตามเร็วๆ นี้!!!