วันที่ 12 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวเอพีรายงานว่า บริษัทโมเดอร์น่า บริษัทผู้พัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19แบบ mRNA ที่กำลังเป็นที่ต้องการของทั่วโลกรวมถึงไทยในการรับมือการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้านั้น ประธานบริหารของบริษัทออกมากล่าวว่า โมเดอร์น่ายังไม่มีแผนจะแบ่งปันสูตรวัคซีนโควิด-19 ให้กับใคร เพราะฝ่ายบริหารมีข้อสรุปในการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีน จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการตอบสนองความต้องการของคนทั่วโลก

นูฮ์บาร์ อาเฟยัน ประธานบริหารบริษัทเวชภัณฑ์ชีวภาพชื่อดังกล่าวผ่านการสัมภาษณ์ว่า เราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น (ปันสูตรผลิตวัคซีน) เราคิดว่าเป็นทางที่ถูกต้องแล้ว รับผิดชอบในที่สิ่งที่เราทำ เราเพียงต้องการช่วยโลกใบนี้

อาเฟยันยังย้ำคำปฏิญาณที่โมเดอร์นาทำไว้เมื่อปีที่แล้ว ว่าจะไม่บังคับใช้การละเมิดสิทธิบัตรกับบุคคลอื่นที่ทำวัคซีนโควิด-19 ในช่วงการระบาดใหญ่

ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้โมเดอร์น่าแบ่งปันเทคโนโลยีและสูตรการผลิตวัคซีนนั้น อาเฟยันกล่าวว่า บริษัทพิเคราะห์แล้วว่านี่เป็นเรื่องที่ดีกว่าในการแบ่งปันเทคโนโลยี mRNA และพิจารณาว่าสามารถขยายการผลิตและส่งมอบปริมาณเพิ่มเติมได้หลายพันล้านโดสในปี 2565

“ภายในเวลา 6-9 เดือนข้างหน้า วิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการผลิตวัคซีนคุณภาพสูงและวิธีที่มีประสิทธิภาพคือเราทำวัคซีนนี้เอง ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าศักยภาพเราไม่พอ แต่ในความจริงเรารู้ว่าเราผลิตได้

อาเฟยันกล่าวอีกว่า โมเดอร์น่า ได้เริ่มการผลิตจากศูนย์สู่ 1 พันล้านโดสเพียงไม่กี่ปี และเราคิดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 3 พันล้านโดสในปี 2565

“เราคิดแค่ว่าเรากำลังทุกอย่างที่เราทำได้เพิ่มช่วยเหลือในห้วงการระบาดใหญ่นี้” อาเฟยัน กล่าวอีก

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ ที่โมเดอร์น่าให้วัคซีนแก่ประเทศที่ร่ำรวยเป็นหลัก ในขณะที่ประเทศที่มีรายได้น้อย ประชาชนต้องส่งเสียงร้องสำหรับผลิตภัณฑ์นี้ อาเฟยันกล่าวว่า บริษัทจัดหาปริมาณวัคซีนที่ “ค่อนข้างสำคัญ” ให้กับประเทศที่ยากจน โดยส่วนใหญ่ผ่านการทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทำสัญญากับบริษัทในช่วงต้นของการแพร่ระบาดในวงกว้าง โมเดอร์น่าก็ร่วมงานกับอีกหลายรัฐบาล เพื่อช่วยให้พวกเขาจัดหาปริมาณวัคซีนเพื่อวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนให้กับประเทศที่มีรายได้ต่ำ แต่มีความต้องการในสหภาพยุโรปและรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่าที่จะสามารถใช้ได้

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โมเดอร์น่าประกาศแผนจะเปิดโรงงานผลิตวัคซีนในประเทศแห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา โดยอาเฟยันหวังว่าการตัดสินใจนี้จะมีขึ้นเร็วๆนี้ แต่ยังไงก็ต้องใช้เวลาเป็นปีเพื่อตั้งโรงงานและเดินเครื่องผลิต