“ วีระ” ฟาด “ป.ป.ช.” ถ้ากลัวพยานเป็นอันตราย ปมนาฬิกาหรู ‘ประวิตร’ ก็ปิดชื่อ

“ วีระ” อัดกลับ “ป.ป.ช.” ถ้ากลัว “พยาน” อันตราย ก็แค่ “ปิดชื่อ” รอดู “อุทธรณ์สู้” หรือไม่ ลั่น เตรียม “ยื่นอุทธรณ์” กลับ

​วันที่ 17 ก.ย. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวถึง กรณีที่ สำนักงานศาลปกครอง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2557/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 1327/2564 ในคดีที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ยื่นฟ้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2561 โดยศาลปกครองกลาง ได้พิพากษาให้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน 2 รายการที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ขณะที่ ป.ป.ช. ระบุกำลังรอคำพิพากษาดังกล่าวจากศาลปกครองกลาง เพื่อขอดูคำพิพากษาอย่างเป็นทางการว่า จะให้เปิดเผยข้อมูลทางคดีในส่วนใด และไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกได้ว่า

​จะไปยากเย็นอะไร ถ้าเขาคิดว่าพยานที่มาให้ข้อมูลจะอันตราย เขาก็อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดไปเลยว่า ขอปิดชื่อแต่ไม่ให้ปิดข้อมูล ขอปิดชื่อแค่นี้ใครจะอันตรายก็ไม่รู้แล้วว่าใครเป็นคนให้การ ถ้าเขาจะอุทธรณ์ก็คือประเด็นนี้ ตนก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าอุทธรณ์มาก็จะสู้ไป แต่ต้องอุทธรณ์มาภายในไม่เกินวันที่ 15 ต.ค.นี้

​นายวีระ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย.64 ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ 10.30 น. ศาลก็สั่งให้คัดคำพิพากษานี้ไปเลย ตนกับและเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ก็ลงไปคัดคำพิพากษาด้วยกันเรียบร้อยแล้ว คำพิพากษาก็สมบูรณ์แล้ว ศาลไม่ต้องไปส่งอะไรให้ ป.ป.ช.อีก ทั้งนี้ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่อุทธรณ์ ก็จะต้องให้เอกสารตน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่มีคำพิพากษาหรือภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ถ้าเขาไม่ให้ก็แสดงว่าจะอุทธรณ์สู้ เขาก็ต้องอุทธรณ์ภายใน 15 ตุลาคมนี้ ตนก็จะดูว่าถ้าภายในสิ้นเดือนนี้ ถ้ายังไม่ให้ ตนก็จะยื่นอุทธรณ์เตรียมไว้เลย

เชื่อ เรื่องไม่จบง่าย เหตุ “ป.ป.ช.” ดื้อ

​“คิดว่าเรื่องนี้คงอีกนาน ไม่จบง่ายๆ เพราะคณะกรรมการป.ป.ช.ดื้อ ขนาดกฎหมายบังคับขนาดนี้แล้วยังอวดดี ว่าเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ทำให้ศาลปกครองกลาง ต้องระบุไปเลยว่าคุณก็ไม่ได้อิสระไปจากรัฐธรรมนูญ คุณไม่ใช่องค์กรอิสระที่นอกเหนือการตรวจสอบ และพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารก็มีเจตนาที่จะควบคุมให้สังคมได้ตรวจสอบ การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระด้วย” เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าว

​นายวีระ กล่าวว่า เรื่องนาฬิกา 22 เรือนของ พล.อ.ประวิตร ตนเคยยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเมื่อปี 2560 ใน 2 ประเด็น คือ 1. เรื่องจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ คือ ไม่ใส่เรื่องนาฬิกา 22 เรือนลงไปในบัญชี 2. การมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช. ต้องสอบด้วย แต่ป.ป.ช.สรุปเรื่องเดียว ไม่รับไว้พิจารณาเรื่องการจงใจแจ้งบัญชีเท็จ โดยอ้างว่า พล.อ.ประวิตรไม่จำเป็นต้องแจ้ง เพราะนาฬิกาทั้ง 22 เรือนไม่ใช่ของ พล.อ.ประวิตร แต่เป็นของเพื่อน จึงยุติเรื่องไม่รับไว้ไต่สวน แต่เรื่องร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช.ยังไม่ตอบ และเข้าใจว่า ป.ป.ช.จะรอดูคดีนี้ ว่าในที่สุดแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร

​เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า แต่ทั้งหมดพอเขาตอบมาเรื่องจงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ตนก็ทำหนังสือขอข้อมูล ตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร แต่ป.ป.ช.ไม่ให้อ้างว่าเป็นความลับ ตนก็ไปอุทธรณ์กับสำนักงานข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสำนักงานข้อมูลข่าวสารก็ให้บังคับ ป.ป.ช. ให้ตนครบทั้ง 3 อย่างแต่ ป.ป.ช. ก็ไม่ให้ จึงจำเป็นต้องมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง

ยัน ตามต่อไม่เงียบหาย เหมือนที่ หลายคนเคยร้อง “ปมนาฬิการหรู” ลั่น มีสิทธิ์สงสัย

​“ทุกคนยื่นฟ้อง ป.ป.ช. กรณีนาฬิกาหรู แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครตามเรื่อง ก็ยื่นแค่เป็นข่าว พอป.ป.ช.ตอบมา ก็ไม่ตามต่อแต่ ผมไม่ยอมเพราะหลักฐานของผมชัดเจน ยังไม่ได้ตั้งกรรมการไต่สวนเลย แค่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วก็มาบอกเลยว่า ไม่รับไว้ไต่สวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นกลุ่มของ คสช.ทั้งหมด ไม่เคยรับไปเลยสักเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา , ไม่รับเรื่องกล่าวหาการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ไว้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหาร้องเรียนทั้งหมด

พอตรวจสอบชั้นต้น ก็บอกว่าไม่รับตัดทิ้งๆ ดังนั้นผมจึงมีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่า คุณเอาเหตุผลหรือหลักฐานอะไรมาหักล้างข้อกล่าวหาผม ผมก็มีสิทธิ์ตั้งตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสว่าทำงานอย่างนี้ได้อย่างไร มาบอกไม่ละเว้นพิจารณาเพราะว่าเขาไม่ผิด อย่าง พล.อ.ประวิตรก็อ้างว่าเป็นนาฬิกายืมเพื่อน ผมอยากดูว่าใครบ้างที่มาให้ข้อมูล อะไรอย่างไรแล้วมีข้อมูล อะไรที่จะยืนยันว่านาฬิกานี้ไม่ใช่ของ พล.อ.ประวิตร ผมก็มีสิทธิ์ที่จะรู้” นายวีระ กล่าว