กลาโหม เผย ก.ค.64 จับลักลอบเข้าเมืองได้แล้ว 3,552 ราย – ทหารเฝ้าแคมป์คนงานติดเชื้อมากขึ้น

“บิ๊กช้าง” ย้ำ ทหาร-ตร. คุมเข้มเฝ้าระวังชายแดนต่อเนื่อง สั่ง หนุนเสริม กทม.เร่ง จัดตั้งพื้นที่แยกรักษาตัวในชุมชน 50 เขต
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตร.ผ่านระบบ VTC เพื่อติดตามการสนับสนุนแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19

โดยภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคง ทหารและตำรวจ ในพื้นที่ชายแดน ยังคงพบจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ต่อเนื่อง โดย ก.ค.64 ที่ผ่านมา จับกุมได้ถึง 3,552 คน โดยพบชาวกัมพูชาและลาวมากขึ้น สำหรับพื้นที่ชั้นใน กำลังทหารตำรวจ ยังคงกระจายกำลังควบคุมโรคใน 593 แคมป์คนงาน และจัดตั้งจุดตรวจร่วมตามเส้นทางต่างๆ กว่า 230 จุด พบประชาชนให้ความร่วมมือเดินทางลดลง แต่ยังพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการรวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน ขณะเดียวกันพบเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในการดูแลแคมป์คนงานติดเชื้อมากขึ้น

ทั้งนี้ รมช.กลาโหม ได้เน้นย้ำ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและให้กำลังใจทหารตำรวจทุกคนที่สนับสนุนปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ คงความต่อเนื่องคุมเข้มเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนมากขึ้นในสถานการณ์ที่ประเทศรอบบ้าน ยังพบการแพร่ระบาดของโรคที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมียนมา และขอให้สนับสนุน กทม.เร่งจัดตั้งพื้นที่พักแยกรักษาตัวในชุมชน (Community Isolation) ให้ได้ทั้ง 50 เขตใน กทม.โดยเร็ว เพื่อรองรับผู้ป่วยจาก รพ.ระดับต่างๆ

โดย พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับการทำงานของกำลังทหาร ที่กระจายกันจัดตั้ง “จุดบริการประชาชน” ทั้ง 72 จุดในชุมชนต่างๆ ของ กทม.และปริมณฑล ให้สามารถประสานเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้เร่งดำเนินการขยายขีดความสามารถ รพ.สนามและจัดตั้งเพิ่มเติม ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล และ จว.สีแดงเข้ม เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีมากขึ้นโดยเร็ว

พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกค่ายทหาร จัดตั้งพื้นที่พักแยกรักษาตัว (Community Isolation) เพื่อช่วยเหลือดูแลกำลังพล ครอบครัวและชุมชนรอบข้างในทุกหน่วยทหาร และช่วยลดภาระทางสาธารณสุข พร้อมทั้งให้ประสานขอรับวัคซีนมาสนับสนุนการทำงานของกำลังพลด่านหน้าในพื้นที่เสี่ยงสูงให้เพียงพอ เพื่อรักษาสถานภาพกำลังพลสนับสนุนวิกฤตสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น