“สุดารัตน์” จับพิรุธ รัฐบาลกลัว “Sunshine law” จึงไม่ยอมสั่งวัคซีน mRNA ซัดกลัวแสงจนโควิดลุกลาม

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงความล่าช้าของการจัดหาวัคซีนแบบ mRNA ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่แพร่เชื้อจนทำให้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากต้องติดเชื้อ แม้จะได้รับวัคซีนแบบเชื้อตายครบแล้วก็ตามว่า

อย่ากลัวแสงสว่างจากวัคซีน mRNA
จนไม่เห็นคุณค่าของชีวิตคนไทย

ในประเทศตะวันตก มีกฎหมายชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “Sunshine law” ซึ่งบังคับให้ธุรกิจที่ทำการค้ากับรัฐบาลประเทศใดก็ตามต้องเปิดเผยข้อมูล ทั้งต้นทุน ราคาขาย “ค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย” ซึ่งก็คือพวกค่า “คอมมิชชั่น” ด้วย

คอมมิชชั่น คือเงินส่วนแบ่งทางการค้า เมื่อการติดต่อทางธุรกิจประสบผลสำเร็จ โดย Sunshine Law มีเกณฑ์กำหนดให้ต้องเปิดเผย ว่าจ่ายเงินดังกล่าวให้กับใคร และมีการกำหนดเพดานการจ่ายไว้ชัดเจนว่า จะจ่ายได้ไม่เกินจำนวนเท่าไหร่ ของยอดซื้อสินค้านั้น

กฎหมายนี้ทำให้ นักการเมืองในประเทศต่างๆกลัวกันมาก เพราะถึงจะใช้เส้นสายอิทธิพล เพื่อปกปิดการตรวจสอบความผิดในประเทศของตัวเองได้ แต่ตัวเลขคอมมิชชั่นทั้งหมดที่ถูกจ่ายออกไปนั้น จะถูกรายงานไว้ในข้อมูลของประเทศต้นทาง

มีหลายเคสที่พบพิรุธ และเมื่อมีการสืบสวนสอบสวน ก็จะพบว่ามีเบาะแสโยงไย ไปยังผู้บริหารระดับสูงและนักการเมืองในประเทศต่างๆ ทำให้โดนเอาผิดย้อนหลังมาแล้ว หลายต่อหลายคดีด้วยกัน

เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? ที่ประเทศไทยตั้งแต่รัฐบาลนี้บริหารประเทศมา อาวุธยุทโธปกรณ์ เรือดำน้ำ และวัคซีนที่กำลังจัดหาอยู่ในปัจจุบันนี้ มีสัดส่วนในการซื้อจากประเทศในกลุ่มที่มี Sunshine Law น้อยลงหรือแทบไม่มีการจัดซื้อเลย

ที่ผ่านมาการที่รัฐบาลไทย เจรจาซื้อวัคซีนจากประเทศที่มีกฎหมาย Sunshine Law ล่าช้า จนกระทั่งสถานการโควิด-19 ในประเทศไทยบานปลายเช่นทุกวันนี้ หวังว่าคงไม่ใช่เพียงเพราะว่า รัฐบาลกลัวแสงสว่างนะคะ?

ขอย้ำว่า… อย่ากลัวแสงสว่าง
โดยยอมแลกกับชีวิตคนไทย

โปรดสงสาร คนไทยด้วยกันรวมถึงครอบครัวของเขา โปรดเร่งเจรจานำเข้าวัคซีนคุณภาพดี ที่สามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ และสามารถสร้าง Herd Immunity ให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อแก้ไขปัญหา โควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วทันต่อความรุนแรงของการแพร่ระบาดในทุกวันนี้ ด้วยค่ะ