แฉ ร.ร.ดังย่านลาดพร้าว บังคับทำเอ็มโอยู ห้ามนร.ทำกิจกรรมที่เสียชื่อ

แฉ ร.ร.ดังย่านลาดพร้าว บังคับทำเอ็มโอยู ห้ามนร.ทำกิจกรรมที่เสียชื่อ ร.ร. และหากไม่ยอมเซ็นรับจะไม่สามารถเข้ารับการศึกษาได้

เมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน) แฟนเพจเฟซบุ๊ก เพจบอดินไม่อินเผด็จการ โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุถึง โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว บังคับนักเรียนทำข้อตกลง “ห้ามแสดงออกหรือใช้สื่อออนไลน์สร้างความเสื่อมเสียแก่ครู โรงเรียน มิเช่นนั้นอาจจะถูกบังคับให้ลาออก” หากไม่ยอมเซ็นรับจะไม่สามารถเข้ารับการศึกษาได้

ภายในหนังสือดังกล่าว มีข้อความระบุดังนี้

1.ข้าพเจ้ายินยอมและยืนยันลงลายมือชื่อรับทราบพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลง (MOU) ของโรงเรียนทุกประการ (ด้วยความสมัครใจ)

2.ข้าพเจ้ายืนยันจะประพฤติปฏิบัติตนตามข้อกำหนดตามระเบียบปฏิบัติของโรงเรียนทุกประการโดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น

3.ข้าพเจ้ายินดีประพฤติปฏิบัติตนตามคู่มือคนดีศรีบดินทรทุกประการ โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

4.ข้าพเจ้ายืนยันไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความเสื่อมเสีย หรือสร้างความเสียหายทั้งด้านชื่อเสียงโรงเรียนและหรือร่วมทำกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อโรงเรียนหรือข้าราชการครูและบุคลากรทุกคนในโรงเรียนทุกกรณี

หากข้าพเจ้าไม่สามารถประพฤติปฏิบัติตนตามระเบียบ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงตามที่โรงเรียนกำหนดได้ ข้าพเจ้าและผู้ปกครองยินดี ยินยอมและยืนยันให้โรงเรียนพิจารณาโทษตามระเบียบการลงโทษทุกประการและหรือข้าพเจ้ายินดีและยินยอมลาออกจากโรงเรียนโดยไม่มีข้อแม้และไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

หนังสือเอ็มโอยูดังกล่าว สะท้อนถึงความพยายามของโรงเรียนไทยที่ป้องปรามนักเรียนคนใดก็ตาม ที่ออกมาแสดงออกทางการเมืองหรือตั้งคำถามต่อเรื่องต่างๆของโรงเรียน อันเป็นผลพวงที่โรงเรียนของไทย เจอการเคลื่อนไหวใหญ่ในหมู่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ตื่นตัวทางการเมืองอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และก่อตัวกลุ่มการเมืองภายในโรงเรียนขนาดเล็กขึ้นมา พร้อมกับการท้าทายด้วยการส่งเสียงเรียกร้องและตั้งคำถามใหญ่ต่อผู้บริหารตั้งแต่โรงเรียน จนระดับกระทรวงในการปฏิรูปการศึกษาที่ไม่เคยสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงหรือผลลัพธ์เชิงรูปธรรมที่แสดงให้เห็นถึงการ “ปฏิรูป” จริงๆ

ทั้งนี้ บอดินไม่อินเผด็จการ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทวิตเตอร์ว่า ผู้บริหารของโรงเรียนดังกล่าว ยังเป็น 1 ในผู้ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาขณะนี้ด้วย และล่าสุดกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในทวิตเตอร์โดยเฉพาะผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่คาดว่าเป็นนักเรียนที่อาจได้รับผลของพรบ.การศึกษาแห่งชาติดังกล่าว ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ พร้อมกับติดแฮชแท็ก #พรบศึกษาส้น-ีน