‘โฆษกก้าวไกล’ ป้องหมอ จวก “อนุทิน” อย่าโยนความผิดให้รพ. หลังหลายแห่งเลื่อนฉีดวัคซีน

ป้องหมอ ‘โฆษกก้าวไกล’ จวก ‘อนุทิน’ อย่าโยนความผิดให้กับโรงพยาบาล หลังพบหลายแห่งเลื่อนฉีดเพราะวัคซีนมาไม่พอตามกำหนด

วันที่ 8 มิถุนายน 2564 นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส.จังหวัดนครปฐม กล่าวถึงกรณีปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยระบุว่า ขณะนี้ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์เรื่องวัคซีนไม่เพียงพอและเฝ้ารอคำตอบว่าวัคซีนแต่ละจังหวัดจะส่งถึงโรงพยาบาลครั้งต่อไปเมื่อไรและจะส่งให้จำนวนเท่าไหร่ ที่คุณอนุทินบอกว่า มีความเป็นไปได้ในกระจายวัคซีนโควิดอีก 7.5 แสนโดส ทั่วประเทศในวันที่ 8 มิ.ย. อย่าทราบความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะขณะนี้มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ลงทะเบียนไปแล้ว และมีคิวค้างในระบบ รอการฉีดวัคซีนอย่างไม่รู้ชะตากรรม และทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้

“วันที่ 7 มิถุนายน 2564 รัฐบาลจัดงานยิ่งใหญ่และประกาศคิกออฟฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศโดยให้สัญญาแก่ประชาชนว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้จำนวน 50 ล้านคนทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ แต่ผ่านไปเพียงวันเดียววัคซีนในหลายโรงพยาบาลตามต่างจังหวัดหมดหรือไม่เพียงพอต่อประชาชนที่ลงทะเบียนเข้ามา ซึ่งหากจะให้เหตุผลว่าวัคซีนกันไว้สำหรับกรุงเทพมหานครเพราะมีความจำเป็นที่ต้องฉีดมากกว่า ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้เพราะประชากรในกรุงเทพมหานครมีความเสี่ยงสูงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ต้องไม่ถึงกับทำให้กลายเป็นอัมพาตในต่างจังหวัดแบบนี้ เพราะพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดก็มีความสำคัญไม่แพ้กันและต้องการความชัดเจน อย่างน้อยที่สุดคือ ต้องเห็นข้อมูลว่าจำนวนและปริมาณการกระจายวัคซีนสัมพันธ์กับปัญหาหรือไม่ ทั้งเชิงพื้นที่และความเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น จังหวัดนครปฐม หากไม่ขีดเส้นด้วยเขตการปกครองก็เรียกว่าแทบจะพื้นที่ต่อเนื่องกับกรุงเทพและมีความเสี่ยงจากการเดินทางไปมาได้เช่นกัน”
.
สุทธวรรณ กล่าวต่อไปว่า การแก้ปัญหาโรคระบาดควรเป็นการแก้ปัญหาเชิงรุก รัฐบาลจึงควรกระจายวัคซีนทั่วประเทศให้ได้ไม่ใช่กระจุกตัวที่ส่วนกลาง ซึ่งตนได้รับข้อมูลมาว่า นอกจากจังหวัดนครปฐม แล้วมีโรงพยาบาลอีกหลายแห่งที่ขณะนี้ที่ประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
.
แต่แทนที่จะแก้ปัญหา สิ่งที่ตามมาคือการที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกไปให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เลื่อนฉีดวัคซีนแน่นอน ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริง เพราะโรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐมที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายแห่ง ก็ฉีดวัคซีนได้วันเดียวและประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนออกไปอย่างไม่มีกำหนด การให้สัมภาษณ์แบบนี้เท่ากับว่ารัฐมนตรีกำลังโยนความผิดให้โรงพยาบาลใช่หรือไม่
.
“ประเด็นก็คือความจริงแล้ววัคซีน AstraZeneca มีไม่พอ และการที่โรงพยาบาลไม่เอา Sinovac ออกมาฉีดให้แก่ผู้สูงอายุ และกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของโรงพยาบาล
.
“ดิฉันจึงอยากเรียกร้องให้ กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยข้อมูลด้วยว่าวัคซีนกระจายไปที่ไหนบ้างหากมีความจริงใจไม่ปิดบังข้อมูล ท่านต้องตอบได้ว่าแผนการฉีดวัคซีนนี้ มีการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส ดิฉันขอเรียกร้องให้เปิดเผยจำนวนคนที่จองคิวผ่านหมอพร้อมแต่ละสัปดาห์ นำมาเทียบกับยอดวัคซีนที่ได้รับมาได้แต่ละสัปดาห์ แยกให้ชัดเจนว่า Astrazeneca มีจำนวนเท่าไหร่ Sinovac มีจำนวนเท่าไหร่ นี่คือข้อมูลที่สำคัญที่ประชาชนต้องการ ”

สุดท้าย สุทธวรรณ ยังอยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขว่านี่อาจเป็นวาระสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้แล้ว ก็น่าจะสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ทิ้งไว้ให้พี่น้องประชาชนบ้าง อย่าให้ประชาชนจดจำแต่สิ่งที่เลวร้ายจากการกระทำของพวกท่านเลย