‘ไทยไม่ทน’ บุกกองทัพไทย ยื่นหนังสือจี้ ผบ.เหล่าทัพ หยุดรับใช้ระบอบประยุทธ์

วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยนำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ,นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.,นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน, นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการเครือข่ายอีสานกู้ชาติ พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการกองทัพเรือ, ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและปลัดกระทรวงกลาโหม ผ่านนายทหารเวรเพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง วุฒิสภา หยุดรับใช้ระบอบประยุทธ์

นายอดุลย์ กล่าวว่า ในนามประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 และในนามกลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย หากจำกันได้เมื่อ 29 ปีที่แล้ว พวกเราก็เจ็บปวด โดยเฉพาะครอบครัวของพวกเราได้เสียชีวิตไป แล้วจนบัดนี้คนสูญหายก็ยังไม่เอามาคืนเรา แล้ววันนี้เรามาเพื่อจะมาบอก กับกองทัพไทยว่า ถึงเวลาที่กองทัพไทยจะต้องช่วยเหลือประเทศชาติ ช่วยเหลือประชาชน อย่าไปค้ำบัลลังก์ให้พลเอกประยุทธ์ เพราะการทำเช่นนั้นทำให้ประเทศชาติเสียหาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาของพลเอกประยุทธ์ ในการดำรงตำแหน่ง ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ขาดความรับผิดชอบในการปกป้องสถาบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลใดๆที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้เราจะมาถามกองทัพไทยว่า เหตุใดจึงไม่มีจุดยืนในการที่จะปกป้อง สถาบัน ปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อสถาบันให้เกิดความเสื่อมเสีย เกียรติและถูกลบหลู่อยู่ตลอดเวลา

“เพราะอะไร ลืมคำที่ได้ปฏิญาณตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพลแล้วหรือ ว่าจะถวายความจงรักภักดีต่อในหลวง แล้วทำไมถึงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ไม่ปรากฏว่ากองทัพไทย หรือกองทัพได้แสดงออกถึงการปกป้องสถาบันแม้แต่น้อย ดังนั้นวันนี้ผมจึงมาทวงถาม” นายอดุลย์ กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้นอกจากยื่นหนังสือถึงท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว ก็จะยื่นหนังสือฝากไปยังผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการทหารเรือ, และท่านปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย ส่วนสาระสำคัญที่เดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ เนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ถูกออกแบบให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปลัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งหมด 6 คน เป็นวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นที่รับทราบกันว่า ในเวลาเปิดสมัยประชุมนั้น จะต้องมีการประชุมสัปดาห์ละ 2 วัน และบางสัปดาห์มีการประชุมรัฐสภา อาจจะเป็นสัปดาห์ละ 3 วัน ดังนั้นบรรดาแม่ทัพทั้งหลาย ไม่สามารถทำงานในหน้าที่ของตน

นายจตุพรกล่าวว่า นักการเมืองคนที่มีตำแหน่งสูงสุดคือนายกรัฐมนตรี แม้จะเคยเป็นอดีตทหารก็ตาม เอาผู้บัญชาการเหล่าทัพมาไว้เพียงแค่ประดับการเมือง และสิ่งสำคัญที่สุด การเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สอดคล้องกับแนวทางของกองทัพ ที่ประกาศว่าจะทำเพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์และประชาชน

“ ผมได้ทวงถามพลเอกประยุทธ์ ต่างกรรมต่างวาระมาหลายครั้งว่า ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น เมื่อเวลาบ้านเมืองเกิดวิกฤต จะต้องทำเรื่องขอเข้าเฝ้า เพื่อถวายรายงาน ถึงสถานการณ์ของประเทศว่าอยู่ในสถานการณ์ใดอย่างไร โดยเฉพาะสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส covid-19 เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ตั้งแต่เริ่มการระบาดครั้งแรก ในเดือนมกราคมปี 2563 จนกระทั่งบัดนี้ แม้ตลอดระยะเวลาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พระราชทานรถตรวจหาเชื้อ เครื่องช่วยหายใจ ยาและอุปกรณ์ภาคสนามต่างๆมากมาย แต่ไม่ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีจะทำเรื่องขอเข้าเฝ้า เพื่อถวายรายงานถึงสถานการณ์รวมถึงขอพระราชทานคำปรึกษา เพื่อรอพระบรมราชวังวินิจฉัย เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีทั้ง 28 คนในอดีตที่ผ่านมา”

คำถามคือ เหตุใดนายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่ถวายรายงานพระเจ้าแผ่นดิน เพราะการอยู่ของพลเอกประยุทธ์ นั้นอ้างว่าอยู่เพื่อปกป้องสถาบัน แต่กลับไม่ทำหน้าที่ในการทำเรื่องขอเข้าเฝ้า รวมถึงกรณีที่มีข่าวลือใดๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ออกมาคลี่คลาย ข่าวลือต่างๆ แต่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ กลับปล่อยปละละเลย มิหนำซ้ำ เรื่องการดำเนินคดีมาตรา 112 พลเอกประยุทธ์ เป็นคนประกาศอย่างไม่ครบถ้วน เข้าข่ายหลอกลวงให้คนกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

“ พลเอกประยุทธ์บอกว่าจะไม่มีการเอาโทษ แต่พลเอกประยุทธ์ อธิบายไม่ครบว่า ในระหว่างนั้น ให้คนเป็นโจทก์ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น คืออัยการสูงสุด โดยการหารือกับสำนักพระราชวัง แต่ปรากฏว่า เมื่อพลเอกประยุทธ์ บอกว่าไม่เอาโทษ กลับมีคนหลงเชื่อ แล้วพลเอกประยุทธ์ก็มาเอาโทษ สถาบันเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง แล้วก็ไม่ปฏิบัติตามแนวทางเดิมที่ให้อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ได้คนเดียว ดังนั้นนี่คือการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากประชาชน มิหนำซ้ำให้บริวารของตัวเอง ไปไล่แจ้งความดำเนินคดีกับคนที่เห็นต่าง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วก็ไปต่อรองว่า หากทำตามที่ตัวเองต้องการจะไปถอนแจ้งความให้ ซึ่งผิดกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่สามารถถอนแจ้งความได้ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า องคาพยพของพลเอกประยุทธ์นั้นใช้มาตรา 112 ในการแบล็คเมล์ประชาชน เหล่านี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก”

นอกจากนี้ในเรื่องสถานการณ์ covid-19 จนกระทั่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะต้องออกประกาศ ในการจัดหาวัคซีน ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นการต้องการอธิบายว่า ทำไมรัฐบาล ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนได้ แล้วให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นใด ไปซื้อแล้วห้ามจำหน่ายต่อ นั่นหมายความว่าขณะนี้รัฐบาล ถึงขนาดว่าไม่ยอมแก้ระเบียบในกรณีของส่วนท้องถิ่น ที่สามารถจัดซื้อวัคซีนได้โดยตรง

“ วันนี้ประเทศไทยมีประชากร รวมคนไทยและต่างชาติอยู่จำนวนกว่า 70 ล้านคน แต่เราเพิ่งฉีดวัคซีนกันได้ประมาณ 3 ล้านคน และยังไม่มีอนาคตว่าจะฉีบครบกันเมื่อไหร่ ที่สำคัญที่สุดความไม่พยายามที่จะแก้ไขปัญหา มีแต่การรวบอำนาจแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติได้ และเต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น”

ดังนั้นที่พวกเรามากันในวันนี้เพื่อต้องการร้องขอไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุด และฝากเรียนไปยังผู้บัญชาการกองทัพเรือ , ผู้บัญชาการกองทัพอากาศและปลัดกระทรวงกลาโหมว่า ขอให้ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งวุฒิสภา นอกจากท่านยังไม่มีเวลาที่จะรับใช้กองทัพแล้ว ยังไม่มีเวลาที่จะปฏิรูปกองทัพ อีกทั้งในยามที่ประเทศอยู่ในสภาพเช่นนี้ กองทัพควรรับใช้ประชาชน ตามคำประกาศว่า เพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และประชาชน แต่เมื่อรัฐบาลไม่สามารถทำได้ทั้ง 4 ข้อ พวกผมจึงมาอย่างไมตรี เรียนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ตัดสินใจหยุดค้ำบัลลังก์ หยุดการเป็นนั่งร้าน หยุดเป็นเครื่องประดับบารมีให้กับนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ ในการปกป้องสถาบัน ไม่ได้ทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาชาติ และยังทำให้สถาบันต้องแยกออกจากประชาชน

นายวีระ กล่าวว่า ในฐานะที่พวกเรา คณะไทยไม่ทน เราเป็นตัวแทนของประชาชน ก็อยากจะบอกกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือ และปลัดกระทรวงกลาโหม ว่าบัดนี้พวกท่าน ก็ไม่ได้อยู่ในชุดของกบฏ

“ต้องเน้นนะครับว่า หัวหน้ากบฏคือประยุทธ์ ทำกบฏเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แล้วก็ยังอยู่ในอำนาจ แล้วก็ใช้กองทัพทั้งหมดมา ค้ำบัลลังก์ ค้ำอำนาจ ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าเถียง ว่า ประยุทธ์ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ไม่ใช่กบฏ” นายวีระ กล่าวและว่า

ดังนั้นขอให้ทางผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ และ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้วางตัวเป็นกลาง ลาออกจากตำแหน่งวุฒิสภา เพื่อแสดงให้เห็นจุดยืนที่ชัดเจนว่า พวกท่านนั้น จะไม่ไปสนับสนุน ให้ กบฏมีอำนาจต่อไป นี่คือสิ่งที่พวกเราประชาชนอยากจะเห็น และอยากให้พวกท่านทั้งหลาย ได้ดำเนินการตามนี้

ทั้งนี้กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยมีกำหนดการจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ ศาลรัฐธรรมนูญในเวลา 13:00 น เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เสียสละและหาทางออกให้กับประเทศ หลังจากนั้นจะไปยื่นให้กับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต่อไปในคราวเดียวกัน