ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นที่ 11 พ.ค. บีบีซี รายงานว่า ประชากรของจีนเพิ่มขึ้นช้าสุดในรอบ 10 ปี ด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 0.53% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชากรเพิ่มเป็น 1,410 ล้านคน แต่อัตราดังกล่าวลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนระหว่างปี 2543-2553 ที่ 0.57% เพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลปักกิ่งเพิ่มมาตรการให้คู่รักมีลูกมากขึ้นและหลีกเลี่ยงการลดลงของประชากร
ผลลัพธ์ดังกล่าวรายงานในการสำรวจสำมะโนประชากรทุก 10 ปี ในปีนี้เป็นครั้งที่ 7 จัดทำขึ้นในปลายปี 2563 ด้วยจำนวนผู้สำรวจประมาณ 7 ล้านคน ที่รวบรวมข้อมูลจากครัวเรือนชาวจีนตามบ้านต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรข้อมูลครอบคลุมมากที่สุดเกี่ยวกับประชากรจีน ที่มีความสำคัญต่อการวางแผนในอนาคต
ก่อนหน้านี้ คาดว่าจีนอาจยกเลิกนโยบายการวางแผนครอบครัวพร้อมกับผลการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุด ซึ่งเผยแพร่ล่าช้าจากเดิมในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
หนิง จี๋เจ๋อ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน เผยว่า จีนมีทารกแรกเกิด 12 ล้านคน เมื่อปี 2563 แม้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากทารกแรกเกิด 18 ล้านคน ในปี 2559 แต่ยังเป็นจำนวนมากอยู่ และว่าอัตราการเจริญพันธุ์ลดลงเป็นผลมาจากการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของจีน
เป็นไปตามประเทศต่างๆ ที่มีการพัฒนาขึ้น อัตราการเกิดมักลดลงเนื่องจากประชากรได้รับการศึกษาและรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญอื่นๆ เช่น อาชีพ
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่มีอัตราการเกิดลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งที่รัฐบาลทั้งสองประเทศจะมีมาตรการจูงใจให้คู่รักมีลูกมากขึ้น โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ สถิติการเสียชีวิตมากกว่าการเกิดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปีที่แล้ว นับเป็นสัญญาณเตือนภัยในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลกอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ประชากรหดตัวเป็นปัญหาเนื่องจากโครงสร้างอายุกลับหัวด้วยจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าวัยหนุ่มสาว และเมื่อเป็นเช่นนั้น ในอนาคตจะไม่มีคนงานเพียงพอรองรับผู้สูงอายุ และอาจมีความต้องการการดูแลสุขภาพและสังคมเพิ่มขึ้น
แม้ว่ารัฐบาลจีนยุตินโยบายลูกคนเดียวและอนุญาตให้คู่รักมีลูก 2 คน ได้ในปี 2559 แต่ไม่สามารถฟื้นอัตราการเกิดลดลงของประเทศได้ ทั้งที่อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นทันที 2 ปี หลังจากนั้น ซึ่ง เหย่ว ซู นักเศรษฐศาสตร์จาก ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต อธิบายว่า “นโยบายลูกคนที่สองส่งผลดีต่ออัตราการเกิด แต่พิสูจน์ได้ในระยะสั้นๆ”
แนวโน้มประชากรของจีนส่วนใหญ่เป็นผลมาจากนโยบายลูกคนเดียวซึ่งเริ่มใช้ในปี 2522 เพื่อชะลอการเติบโตของประชากร และครอบครัวที่ฝ่าฝืนกฎต้องถูกปรับเป็นเงิน ตกงาน และบางครั้งถูกบังคับทำแท้ง
ทั้งนี้ ประชากรวัยทำงานของจีน ซึ่งจีนนิยามเป็นคนที่มีอายุ 16-59 ปี ยังลดลง 40 ล้านคน เมื่อเทียบกับการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุดในปี 2010 แต่ เจิง ยู่ผิง หัวหน้านักระเบียบวิธี กล่าวว่า ขนาดประชากรวัยทำงานทั้งหมด 880 ล้าน ยังมีขนาดใหญ่อยู่ และยังมีกำลังแรงงานมากมาย
แต่ เหย่ว ซู เตือนเช่นกันว่า กำลังแรงงานในอนาคตที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจะจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน “การปันผลทางประชากรที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมากำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ผลกระทบใดต่อประชากรของจีนอาจส่งผลอย่างมากต่อส่วนอื่นของโลก เช่น หากอัตราประชากรลดลงจะเกิดขึ้นในอนาคตจะมี “ผลกระทบในวงกว้าง”
ดร.อี้ ฟู่เซี่ยน แห่งมหาวิทยลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน กล่าวว่า “เศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและหลายอุตสาหกรรมในโลกต้องพึ่งพาจีน ขอบเขตของผลกระทบจากการลดลงของประชากรจะกว้างมาก”