เยียวยาโควิด-19 : เครือข่ายรามฯยื่นถึงปธ.สภา ร้องรัฐบาลทบทวนมาตรการ ‘ไมค์-มวลชน’ บุกคลังทวงคืนงบกองทัพ

วันที่ 22 มกราคม 2564 ท่ามกลางมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการตั้งคำถามโดยเฉพาะการกระจายเม็ดเงินไม่ถูกจุด เงินไม่ถึงมือผู้เดือดร้อนจริงๆ และท่าทีของกองทัพที่ยังคงไม่ลดงบประมาณจัดซื้ออาวุธ ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวต่อเรื่องนี้ ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กว่า 10 คน เดินทางมาบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อยื่นถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมผู้อำนวยการับร้องทุกข์สภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนรับหนังสือ

โดยนายนันทพงศ์ ปานมาศ ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯต้องการเป็นปากเสียงของประชาชน เพื่อสะท้อนให้รัฐบาลใส่ใจประชาชนบ้าง โควิด-19 วันนี้ทำให้ทุกอย่างดูแย่ดูยากไปหมด จากมาตรการของรัฐบาลส่งผลให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก และขนาดกลางเดือดร้อน จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงมาดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่ถ้าบริหารไม่ได้ก็ออกไปให้คนอื่นที่ทำได้เข้ามาบริหารแทน และการที่ทางเครือข่ายฯ มายื่นหนังสือที่รัฐสภา ไม่ไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะที่นี่มีส.ส.ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของประชาชน ต้องเป็นปากเป็นเสียงทำหน้าที่ท้วงติงรัฐบาลในนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับประชาชน วันนี้ประชาชนต้องการเงินสด แต่รัฐบาลใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ ถ้าประชาชนไม่เติมเงินตัวเองเข้าไปในแอปพลิเคชั่นก็ใช้ไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์ เราจึงจำเป็นต้องมาเรียกร้องต่อรัฐสภาเพื่อท้วงติงไปยังรัฐบาล

“รัฐบาลให้ประชาชนจ่ายภาษี แต่กลับมีนโยบายแบบชิงโชค อยากเรียกร้องให้รัฐบาลออกนโยบายที่สอดรับกับความเดือดร้อนกับประชาชน และขอให้ยกเลิกโครงการสร้างหนังเพื่อปลูกฝังให้ประชาชนรักชาติ เนื่องจากใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเยาวชนจะรักชาติไม่จำเป็นต้องสร้างหนัง” นายนันทพงศ์ กล่าว

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่รับหนังสือจากกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงฯ แล้วจะนำไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป และต้องขอบคุณกลุ่มเครือข่ายฯ ที่เป็นตัวแทนในการนำเรื่องเดือดร้อนของประชาชนมาร้องเรียน

ขณะที่เวลา 13.00 น.ที่กระทรวงการคลัง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ นำกลุ่มราษฎร รวมตัวยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านผู้อำนวยการสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อทวงคืนงบประมาณจากกองทัพ สำหรับนำมาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจช่วงโรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างถ้วนหน้า โดยมี พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ นำเจ้าหน้าที่เจรจาให้ถอยห่างจากประตู เนื่องจากเกิดความแออัด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ขณะที่มวลชนได้ตะโกนกดดันให้เจ้าหน้าที่เปิดประตู ทั้งนี้ เมื่อชั่วโมงก่อน ได้มีคำสั่งจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ให้ปิดประตูเข้าออกหลักของกระทรวงทั้งหมด โดยเหลือเพียงประตู 1 เพื่อให้รถและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงเดินทางออกได้ โดยสถานการณ์ยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

นายภาณุพงศ์กล่าวว่า ได้นำจดหมายเปิดผนึกมายื่นถึง รมว.คลัง ให้ลดงบประมาณกองทัพกว่า 2 แสนล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และรัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะประชาชนเข้าไม่ถึง โครงการคนละครึ่ง เฟส 2 จำนวนมาก ซ้ำยังต้องแย่งชิงลงทะเบียน และยังขาดแคลนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตอกย้ำถึงความล้มเหลวของรัฐบาลโดยสิ้นเชิง จึงขอให้ลดงบประมาณที่เกินความจำเป็น ไม่เกิดประโยชน์แก่สาธารณะ

นายภาณุพงศ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จะขอเสนอมาตรการดังนี้คือ 1.ให้รัฐเยียวยาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ด้วยเงินรายได้ถ้วนหน้า เป็นเวลา 3 เดือน เดือนละ 3,500 บาท รวมเป็นเงิน 525,000 ล้านบาท จากการตัดลดงบที่ไม่จำเป็น 2.นำเข้าและกระจายวัคซีนโควิดให้เท่าเทียม 3.ลดค่าครองชีพ ค่าสาธารณูปโภค ค่าเรียนให้นักเรียน นักศึกษา เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมอุดหนุนค่าเรียนออนไลน์ด้วย

นายภาณุพงศ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จะขอเสนอมาตรการดังนี้คือ 1.ให้รัฐเยียวยาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ด้วยเงินรายได้ถ้วนหน้า เป็นเวลา 3 เดือน เดือนละ 3,500 บาท รวมเป็นเงิน 525,000 ล้านบาท จากการตัดลดงบที่ไม่จำเป็น 2.นำเข้าและกระจายวัคซีนโควิดให้เท่าเทียม 3.ลดค่าครองชีพ ค่าสาธารณูปโภค ค่าเรียนให้นักเรียน นักศึกษา เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมอุดหนุนค่าเรียนออนไลน์ด้วย

โดยมีตัวแทนผู้บริหารจากระทรวงการคลัง ได้แก่ น.ส.เฉลิมรัตน์ อิ่มนุกูลกิจ ผู้อำนวยการส่วนบริหารการพัสดุ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับจดหมายเปิดผนึก ประมาณ 13.25 น.

นายภาณุพงศ์ กล่าวภายหลังจากการยื่นจดหมายเปิดผนึก ว่า ให้เวลาทางกระทรวงการคลังตอบรับหรือเคลื่อนไหวเกี่ยวกับข้อรียกร้องในจดหมาย ภายใน 1 สัปดาห์ หรือภายในวันที่ 29 มกราคม 2564 ไม่เช่นนั้นจะนัดชุมนุมในวันดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมกับจำนวนผู้ชุมนุมที่มากกว่าในครั้งนี้

จากนั้นผู้ชุมนุมได้สลายตัวในเวลาประมาณ 13.30 -13.40 น.