เกิดอะไร? หลัง ‘ธิดา’ ยอมรับ นปช. ถึงจุดวิกฤต ชวนมวลชนกรอกแบบสำรวจ ควรยุบ-ไม่ยุบ

‘ธิดา’ รับ นปช. ถึงจุดวิกฤต แกนนำแปรเปลี่ยนไปเยอะ ชวนประชาชนกรอกแบบสำรวจ ‘ยุบ-ไม่ยุบ’
เมื่อวันที่ 11 มกราคม นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตแกนนำ นปช. กล่าวระหว่างการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กในตอนหนึ่งถึงการดำรงอยู่ของ นปช. กับความคิดเห็นของประชาชน ว่า นปช. ดำรงอยู่มาเกิน 10 ปี ตั้งแต่ 2550 มาบัดนี้เข้าปีที่ 14 จัดเป็นองค์กรประชาชนที่มีอายุยาวนานที่สุด ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง อันนี้ก็เป็นเป้าหมายยุทธศาสตร์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแบบฟอร์มในการถามความคิดเห็นของประชาชนด้วย ขณะนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวจนกระทั่งมาจุดที่เรียกว่าวิกฤต เมื่อประธาน นปช. ได้นำเสนอว่าควรจะยุบองค์กร นปช. นั้น

นางธิดากล่าวว่า แกนนำจำนวนหนึ่ง ก็เห็นว่าเปลี่ยนสี แปรธาตุ ก็เป็นแต่เพียงแกนนำที่ได้มีโอกาสขึ้นเวที อาจจะแสดงความคิดเห็นในเวลานั้น แต่มาบัดนี้ถ้าจุดยืนเขาเปลี่ยน เขาก็ไม่ใช่แกนนำ นปช. อีกต่อไป

“เราเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายระบอบประชาธิปไตย เราเป็นองค์กรที่กระตุ้นเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม ดังนั้นเราก็จะต้องพยายามที่จะให้กระบวนการประชาธิปไตยเกิดขึ้นให้ได้ในขบวนการของเรา ถ้าเราเป็นขบวนการประชาธิปไตย เป้าหมายประชาธิปไตย แต่เราใช้ท่วงทำนองเผด็จการ ไม่มีทัศนะมวลชน มันก็ประเภทที่เรียกว่าสักแต่ว่าพูด ก็จะกลายเป็นเผด็จการอีกแบบหนึ่ง เผด็จการของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นขบวนการประชาธิปไตย ก็ได้

เพราะฉะนั้นเราจะเห็นองค์กรของพวกอนุรักษ์นิยม องค์กรประชาชน เขาก็ใช้วิธีอย่างนี้แหละ เช่น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศยุบ หรือ กปปส. ก็ขึ้นอยู่กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นต้น แต่นั่นไม่ใช่ขบวนการประชาธิปไตย

นปช.เป็นองค์กรประชาธิปไตย จึงต้องใช้ทัศนะมวลชนและท่วงทำนองประชาธิปไตย ไม่ว่าเราจะดำรงอยู่ หรือว่าหายไป หรือมีวิกฤตอันใดเกิดขึ้นก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีว่า ขบวนการประชาธิปไตยต้องใช้ท่วงทำนองแบบนี้คือ ท่วงทำนองประชาธิปไตยและก็มีทัศนะมวลชน คือเคารพประชาชน รับฟังความคิดเห็นของประชาชน นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวดังที่หลายคนพูดกันออกมา”

นางธิดากล่าวด้วยว่า องค์กร นปช. จะอยู่ จะไป ก็ต้องขึ้นกับพี่น้องประชาชน และถ้าจะอยู่ จะอยู่อย่างไร ความรับผิดชอบก็จะอยู่บนบ่าพี่น้องประชาชนอีกต่อไป ก็จะต้องเป็นเรื่องยุคใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม

“เราผ่านมาสิบกว่าปี หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน แกนนำก็แปรเปลี่ยนไปเยอะ พี่น้องประชาชนก็บาดเจ็บล้มตาย ถูกจับกุมคุมขัง จิตตกไปก็จำนวนหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่เราต้องยอมรับความจริงว่าถ้าจะอยู่จะอยู่อย่างไร หรือสมควรจะยุบเพราะอะไร ช่วยกันส่งความคิดมา เอาความจริง จะได้ช่วยกันรับฟังและช่วยกันรับผิดชอบ ถ้าคนส่วนใหญ่ต้องการที่จะให้อยู่ต่อ จะอยู่แบบไหน มีบทบาทอย่างไร แล้วปรับโครงสร้างเป็นอย่างไร” นางธิดากล่าว

นางธิดาระบุว่าว่า ขณะนี้มีการเปิดรับฟังความเห็นผ่านแบบสำรวจ https://forms.gle/YcjU1KEjhu6gTBM78 โดยมีคำถาม จำนวน 3 ข้อ

1.ท่านคิดว่าควรยุบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือไม่?

2.ควรปรับเปลี่ยนคณะนำของนปช. หรือไม่?

3. ท่านเห็นด้วยกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ ที่ต้องการให้ได้ระบอบประชาธิปไตยที่อธิปไตยเป็นของประชาชนไทยอย่างแท้จริง หรือไม่

นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอข้อเสนอแนะเพิ่มเติมได้อีกด้วย

‘ฟอร์ด’ เผยร้อยละ 99.8 ไม่ต้องการ ‘ยุบ นปช.’ ชี้เปลี่ยนประธานไม่ช่วย แนะผ่าตัดยกเครื่อง-โละทีมบริหาร-สร้างองค์กรใหม่
ต่อมา นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้โพสต์ภาพแบบสำรวจความเห็นต่อแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” โดยระบุว่า

“เพจ UDD News ขอความร่วมมือมายังคนเสื้อแดง กรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับการยุบ นปช. ด้วยความหวังดีต่อขบวนการคนเสื้อแดง ผมขอให้ข้อมูลในฐานะนักกิจกรรมที่แสดงความเห็นในเรื่องนี้อย่างเปิดเผย ดังนี้

1. ผมได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็นตั้งแต่เดือนที่แล้ว ช่วงที่ จตุพร ออกมาประกาศว่าจะยุบ นปช.ใหม่ๆ และได้นำโพลดังกล่าวไปโพสตามเพจกลุ่มต่างๆ ผลปรากฏว่า 99.8% ไม่ต้องการให้ยุบ นปช.และต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะตำแหน่งประธาน นปช. เกือบทั้งหมดได้ประกาศเจตนารมย์ขับไล่จตุพรออกจากคนเสื้อแดง

2. เมื่อมองไปยังแกนนำ นปช.ทั้งหมดที่มีอยู่ ผมมองไม่เห็นว่าแกนนำ นปช.คนใดจะมียุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์เพียงพอในการนำประชาชนให้เรียกร้องประชาธิปไตยในทศวรรษหน้า

3. สิ่งที่คนเสื้อแดงจะทำ นปช.ไม่มีทางตอบสนองได้ และลำพังการเปลี่ยนประธานไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากผ่าตัดยกเครื่ององค์กร เปลี่ยนชื่อใหม่ โละทีมบริหารออกยกชุด set zero สร้างองค์กรนำของคนเสื้อแดงใหม่”

ทำให้ นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนในฐานะคนเสื้อแดงคนหนึ่ง เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเสมอ แต่การที่นายฟอร์ด ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็น ซึ่งมองแบบเหยียดกลุ่มแกนนำมากไปนิด นายฟอร์ดจงอย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นขององค์กรเกิดมาอย่างไร หลายคนต้องติดคุก หลายคนต้องหนีออกนอกประเทศ เพราะจุดเริ่มต้นที่โหดร้าย พวกเราก็สู้กันมา

นายพิพัฒน์ชัย ยังกล่าวว่า มันคงไม่เหมือนพวกโลกสวย นักกิจกรรมสร้างอีเว้นท์ ขายบัตรหาเงิน สร้างโน้นนี่นั่นหารายได้กับพี่น้องเสื้อแเดงไปวันๆ ตนเชื่อว่า คนเสื้อแเดงจริงมีจิตตวิญญาณ กับการต่อสู้ ไม่มีแกนนำเขาก็สู้ และเชื่อว่าเขาจะเข้าร่วมต่อสู้กับทุกกลุ่ม ที่มีเป้าหมาเดียวกันหลายคนพยายาม สร้างตัวให้เป็นแกนนำแต่ในที่สุดก็ได้แค่ทำกิจกรรมหาเงินจึงอยากฝากไปถึง นายฟอร์ดว่า คำว่า นปช. หรือคนเสื้อแดง คือสัญญลักษณ์ของกลุ่มคนนักต่อสู้…เขาไม่ได้ยึดติดที่ชื่อ หรือสีเสื้อ ถ้านายฟอร์ดจะทำองค์กรขึ้นมาใหม่ หรือที่คิดจะตั้งพรรคการเมือง ก็ถือว่าเป็นสิทธิ เพราะเราคือเสรีชน เพียงแต่องค์กร หรือพรรคการเมืองที่คิดจะทำจะมีใครเอาด้วยสักกี่คน นั่นเป็นอีกเรื่อง

สุดท้ายนายฟอร์ดเองก็เพียงเคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง แล้วแยกไปอยู่ในกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และช่วยถามน้องๆในกลุ่มคนอยากเลือกตั้งดูด้วยนะว่าพวกเขาสะบายใจกันดีหรือที่มีคุณอยู่ในกลุ่ม