ที่แท้เป็นนักยิมนาสติก เกาหลีเหนือแปรพักตร์ โดดข้ามรั้ว 3 เมตรกั้นแดน

 โคเรียเฮอรัลด์ รายงานผลการสอบสวนหนุ่มเกาหลีเหนือช่วงวัย 20 หลบหนีเข้าฝั่งเกาหลีใต้ และถูกจับได้เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ว่า หนุ่มคนดังกล่าวใช้ทักษะจากการเป็นนักยิมนาสติก กระโดดข้ามรั้วสูง 3 เมตร ข้ามพรมแดนเข้าไป เป็นคำตอบว่า เหตุใดสัญญาณเตือนภัยจึงไม่ดัง

เดลีเมล์ รายงานว่า เหตุดังกล่าวเริ่มเมื่อวันที่ 3 .ชายหนุ่มช่วงวัย 20 ปี ลักลอบเข้ามาในเขตปลอดทหาร หรือ DMZ ระหว่าง 2 เกาหลี เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ถูกทหารเกาหลีใต้จับตัวได้วันที่ 4 พ.ย. หลังจากลอบเข้ามาในเกาหลีใต้ได้ 14 ชั่วโมง

ทหารเกาหลีใต้แปลกใจมากที่ชายคนนี้ข้ามรั้วสูง 3 เมตรมาโดยสัญญาณเตือนไม่ส่งเสียงดัง จากการสอบสวน ชายหนุ่มให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ว่ากระโดดข้ามรั้วมาเพราะเคยฝึกยิมนาสติก อีกทั้ง มีรูปร่างเล็กและน้ำหนักเบา กระโดด 2 ครั้ง ก็ข้ามรั้วมาได้

ส่วนหนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบ รายงานว่าเจ้าหน้าที่คาดว่าชายคนนี้คงเกาะเสาเหล็กบนรั้วก่อนกระโดดลงมาในฝั่งดินแดนเกาหลีใต้และถูกทหารจับตัวได้ที่จังหวัดคังว็อน ห่างจากชายแดนเกาหลีใต้ประมาณ 1.5 กิโลเมตรโดยสวมเสื้อสีน้ำเงินของพลเรือน ขณะกำลังเดินเตร็ดเตรในพื้นที่ที่ยังมีกับระเบิด จึงมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพบเห็นพลเรือนคนหนึ่งกำลังหาทางแปรพักต์

ด้านกองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่ารั้วช่วงที่ชายเกาหลีเหนืออ้างว่าข้ามมาดูเหมือนว่าถูกกดลงมา แต่ไม่มีร่องรอยถูกตัดหรือดัดแปลง

เหตุดังกล่าวเป็นชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กองทัพเกาหลีใต้ว่าตอบสนองต่อการแทรกซึมเข้ามาของชาวเกาหลีเหนือช้าเกินไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชายแดนตรวจพบชายคนหนึ่งข้ามรั้วลวดหนามและเครื่องตรวจความร้อนจับความเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่ได้จับกุมทันทีและจับตัวได้หลังจากข้ามพรมแดนมาแล้วหลายชั่วโมง

บางคนวิจารณ์ว่าเป็นความบกพร่องของฝ่ายความมั่นคงของกองทัพและเห็นว่าสัญญาณเซ็นเซอร์น่าจะส่งเสียงเตือนเมื่อชายคนนี้ข้ามรั้วมา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายสัปดาห์ หลังจากเจ้าหน้าที่กระทรวงประมงเกาหลีใต้ถูกสังหารเพราะล่วงล้ำเข้าไปในน่านน้ำเกาหลีเหนือซึ่งมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเผาร่างของชายคนดังกล่าว

ก่อนหน้านี้เคยมีนักยิมนาสติกเล็ดลอดเข้ามาเกาหลีใต้ เมื่อปี 2555 แต่ทหารเกาหลีใต้ไม่ทันสังเกต จนกระทั่ง ชายคนดังกล่าวเคาะประตูด่านของกองทัพเกาหลีใต้ ต่อมา กองทัพขอโทษที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวและกำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่ได้เปิดเผยผลสรุปการสอบสวนให้สาธารณชนทราบ

ด้านกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ระบุว่าในแต่ละปี มีชาวเกาหลีเหนือแปรพักต์หลายร้อยคน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจาก 31,000 คนที่ผ่านเขตปลอดทหารเข้ามา เพราะส่วนใหญ่มักใช้เส้นทางหลบหนีผ่านทางจีนและประเทศที่ 3 ก่อนเข้าเกาหลีใต้

ผู้แปรพักต์ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน แต่มีทหารเกาหลีเหนือกว่า 700 นายที่แปรพักต์ ตั้งแต่ปี 2541 และนับตั้งแต่ 10 ปีก่อนเป็นต้นมา มีผู้แปรพักต์เป็นผู้หญิงบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย