‘เพนกวิน’ ปราศรัยเดือด ซัดถูก กม.ล้าหลังมาดำเนินคดี ย้ำ ความกลัวจะเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง

เพนกวินปราศรัยเดือด ซัดถูกกฎหมายล้าหลังมาดำเนินคดี ย้ำความกลัวจะเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน ในงานชุมนุมธีมงานวัดที่ถนนอุทยาน จ.นครปฐม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน สวมหมวกเป็ดขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ถนนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดง เมื่อถนนนี้เป็นถนนประวัติศาสตร์มีความหลังและการเสียสละก็ต้องพูดเรื่องสำคัญที่สุดของการเมืองไทยตลอด 88 ปีที่ผ่านมา คือเรื่องการปฏิรูปสถาบัน ก่อนหน้านี้ที่ตนได้ฟังคนเสื้อเหลืองมาปราศรัย นับเป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง แสดงถึงความมีอารยะของพวกเราที่แม้จะคิดต่างกัน เหตุผลที่เลือกสถานที่นี้จัดกิจกรรม ก็เพื่อให้เราเลือกว่าจะเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เราต่างกันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ล่าสุดความโหดร้ายนี้ เหมือนจะเป็นเครื่องมือเดียวที่ถูกนำมาเป็นความรุนแรงมายัดให้เพื่อนกับตน การเอามาตรา 112 ที่ล้าหลังมาตั้งข้อหาพวกตน และเคยใช้ทำร้ายคนเสื้อแดงมาจนถึงนักศึกษายุคนี้ ตอนนี้เราได้ข้ามผ่านความกลัวไปแล้ว แต่จะกลายเป็นความโกรธและความเกลียดชัง ดังนั้น เมื่อเผด็จการต้องการอะไร เราต้องไม่ให้สมปราถนา การนำ ม.112 มาใช้ให้เรากลัว ก็ยังคงยืนยันว่าเราจะกล้าพูดถึงเรื่องนี้

นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนคนเสื้อเหลืองมาตั้งคำถามว่าคุณโอเคหรือไม่ที่รัฐบาลไม่มีงบประมาณหารถดีๆ ให้คุณมานั่ง แต่กลับให้นั่งรถขยะ

 

ในตอนท้าย นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่ขาดอยู่ในการทำรัฐประหารขณะนี้คือความชอบธรรม เพราะการชุมนุมของพวกเราไม่ใช้ความรุนแรงแม้ถูกยั่วยุ ดังนั้น ขอให้ทุกคนให้สัญญา 2 ข้อ คือ 1.ต่อสู้โดยไม่ใช้กำลัง ไม่ใช้ความรุนแรง และ 2.หากเกิดรัฐประหาร ขอให้ออกมาต่อสู้ทุกวิถีทาง ออกมาให้เต็มถนน ทุกสี่แยก ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ทุกหมู่บ้าน ออกมาแสดงเจตจำนง แสดงความเป็นเจ้าของประเทศ

นายพริษฐ์กล่าวว่า ขอให้พี่น้องทุกท่านยืดอกขึ้นตรง แสดงเกียรติภูมิประชาชนที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนคือนักสู้เพื่อประชาธิปไตย เราต้องสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ แล้วไปพบกัน

จากนั้น นายพริษฐ์และผู้ชุมนุม ร่วมกันตะโกน ‘ศักดินาจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’ อย่างกึกก้อง