‘เรืองไกร’ร้องสตง.15 พ.ค. จี้สอบเชิงลึกซื้อเรือดำน้ำ ชี้บ.ไชน่าฯ ส่อขัดสัญญาจีทูจี

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า จากกรณีรัฐบาลอนุมัติให้จัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลตามสมควรให้สังคมรับรู้ ทำให้สื่อและบุคคลทั่วไปออกมาติดตามอยากทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และ สตง. ได้ออกมารับรองเบื้องต้นว่า ตรวจสอบแล้วยังไม่พบความผิดปกตินั้น โดยที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 50 และ 51 กำหนดหน้าที่และสิทธิของประชาชนไว้ด้วย ดังนั้นเมื่อไปตรวจสอบข้อมูลสาธารณะต่าง ๆ กลับพบข้อสังเกตอีกหลายประการที่ต้องขอให้ สตง. ตรวจสอบเชิงลึกต่อไป เช่น โครงการจัดหาเรือดำน้ำเป็นลักษณะจีทูจีจริงหรือไม่ เนื่องจากบริษัท ไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 17 ราย จึงไม่ใช่ State-Owned Enterprise และอัยการสูงสุดเคยตรวจร่างความตกลงที่ทำกับบริษัทดังกล่าวเป็นแบบความตกลงระหว่างกองทัพบกกับบริษัทผู้ขายโดยตรง ในกรณีที่กองทัพบกสั่งซื้อสะพานเครื่องหนุนมั่นมาแล้ว

“โครงการจัดหาเรือดำน้ำใช้งบประมาณของกองทัพเรือซึ่งถือเป็นการใช้เงินแผ่นดิน ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องดำเนินการตามวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และเปิดเผยข้อมูลการตั้งงบประมาณและงบผูกพันไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีด้วย แต่ในงบกองทัพเรือปีงบประมาณ 2560 ที่เปิดเผยไว้มียอดรวมอยู่ทั้งสิ้น 41,115 ล้านบาท กลับไม่พบว่าส่วนใดคืองบจัดหาเรือดำน้ำ แหล่งเงินที่ใช้จัดหาเรือดำน้ำมาจากที่ใด และจำนวนเงินที่ตั้งงบผูกพันไว้แต่ละปีมีจำนวนเท่าใด รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาดแล้วหรือไม่”นายเรืองไกร กล่าว

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการก่อนคือสะพานเครื่องหนุนมั่นที่กองทัพบกจัดหาจากบริษัท ไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (CSOC) นั้น อัยการสูงสุดยังมีข้อสังเกตอีกหลายประการ รวมทั้งการคิดเบี้ยปรับด้วย จึงควรให้ สตง.ตรวจสอบโครงการจัดหาสะพานเครื่องหนุนมั่น ก่อนด้วยว่า มีการส่งมอบสินค้าให้รัฐบาลไทยในนามกองทัพบก ครบถ้วนตามเงื่อนไขในข้อตกลงแล้วหรือไม่ ถ้ายังส่งมอบไม่ครบ เพราะสาเหตุใด และมีการคิดค่าปรับไปแล้วเท่าใด และพิจารณาตรวจสอบต่อไปว่า กระทรวงกลาโหมได้มีการนำผลการปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาจัดหาสะพานเครื่องหนุนมั่นของกองทัพบกจากบริษัทดังกล่าว มาใช้ประกอบการพิจารณาในโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อสังเกตที่พบมีนัยสำคัญหลายประการ จึงจะไปยื่นหนังสือ สตง. ด้วยตนเองเพื่อขอให้ตรวจสอบเชิงลึกในโครงการเรือดำน้ำต่อไป ในวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสตง. ถนนพระรามหก

ขอบคุณมติชนออนไลน์