ทนายอานนท์ ขึ้นเวทีอีสาน ลั่นกลองรบ ชวนเข้ากรุงฯ ร่วมไล่รัฐบาล 14 ตุลา

ทนายอานนท์ ขึ้นเวที อีสานลั่นกลองรบ

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่สนามฟ้า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมนิสิต มมส เพื่อประชาธิปไตย ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคัก มีประชาชน ตลอดจนนิสิต นักศึกษา เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ต่างก็กระจายกันนั่งตามพื้นสนามหญ้า จนเกือบเต็มพื้นที่

โดยมีกลุ่มภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เข้าร่วม การชุมนุมในครั้งนี้จำนวนมาก อาทิ กลุ่มโคราชพอกันที แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มโคราชปลดแอก กลุ่มคบเพลิง กลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก กลุ่มภาคีนักเรียนมหาสารคาม กลุ่ม มรม.เสรีเพื่อประชาธิปไตย แนวร่วม ม.ราชภัฎสกลนคร กลุ่มดาวดิน กลุ่มขอนแก่นพอกันที สหภาพร้อยเอ็ดปลอดแอก กลุ่มภาคีนักเรียน KKC และเครือข่ายความหลากหลายทางเพศภาคอีสาน เป็นต้น

โดยกิจกรรมเริ่มต้นด้วยขบวนกลองยาว จากคณะพิณทองก้องอีสาน บรรเลงกลองยาว เพื่อสร้างความฮึกเหิม สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งทันทีที่เสียงกลองดังขึ้น ผู้ร่วมชุมนุม ต่างก็พากันออกมาฟ้อนรำกันอย่างสนุกสนาน โดยมีตุ๊กตามาสคอต และตุ๊กตาไดโนเสาร์เป่าลม ออกมาร่วมฟ้อน ท่ามกลางความม่วนซื่นโฮแซวในแบบฉบับของคนอีสาน ซึ่งเวทีนี้จัดขึ้นเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ

ในเวลา 18.00 น. ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมได้ร่วมกันร้องเพลงชาติ และชูสามนิ้วเพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ ท่ามกลางฝนที่ตกโปรยปรายแต่ประชาชนก็ไม่ได้หนีไปไหน ยังคงปักหลักชุมนุม มีการกางร่มที่เตรียมมา นำเสื่อมาปู นำเสื้อกันฝนและหมวกคลุมผมมาสวมใส่ เพื่อป้องกันฝน และรับฟังการปราศรัยจากตัวแทนกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ ที่มาร่วมงาน

โดยมีตัวแทนจากกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย เช่น กลุ่มสหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก กลุ่ม มรม.เสรีเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มภาคีนักเรียน KKC กลุ่มดาวดิน กลุ่มขอนแก่นพอกันที เป็นต้น สลับกับการเล่นดนตรีเพื่อผ่อนคลายให้กับผู้มาร่วมชุมนุม จากนั้น ไผ่ ดาวดิน ก็ได้ขึ้นปราศรัย บอกเล่าถึงความอัดอั้นที่ต้องทนอยู่ในรัฐเผด็จการมานานหลายปี โดยรัฐไม่ได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไข รัฐไม่ได้มองว่าเราคือประชาชน ถ้ารัฐมองเราเป็นประชาชนต้องฟังเสียงประชาชน ต้องรับฟังปัญหาของประชาชน ที่ผ่านมารัฐเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน ประชาชนเป็นแสนล่ารายชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถูกรัฐปิดช่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ยึดโยงโดยประชาชน แต่เป็น ส.ว. 250 คนเท่านั้น เวลานี้ที่ประชาชนออกมาเรียกร้อง ถือเป็นความสวยงาม เพราะนี่คือการต่อสู้

รายงานข่าวแจ้งว่าในเวลา 19.00 น. เกิดการชุลมุนขึ้นภายหลังจากที่การ์ดของผู้ชุมนุม พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินปะปนอยู่ในพื้นที่ชุมนุม และมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่มากเกินไปที่บริเวณทางเข้าพื้นที่ชุมนุม ทำให้ประชาชนที่มาร่วมงาน เกิดความกลัว ไม่กล้าที่จะเข้าร่วมงาน โดยตัวแทนของการ์ดที่เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ คือ ไมค์ ระยอง ได้เข้าพูดคุย ก่อนจะมีการผลักดันเจ้าหน้าที่ให้ออกไปจากบริเวณทางเข้า จนกำลังเจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยไปในที่สุด

และในเวลา 20.00 ทนายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยชักชวนให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 14 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ โดยมหาสารคามถือเป็นเมืองหลักที่มีการชุมนุมของนิสิต นักศึกษา ซึ่งจะในการชุมนุมของนิสิต นักศึกษาก็จะมีที่มหาสารคาม และขอนแก่น ที่เป็นแกนหลัก รูปแบบของการชุมนุมในวันนี้เป็นรูปแบบที่หลากหลาย นอกจากนิสิต นักศึกษา ก็มีประชาชนมาร่วม แต่ความพิเศษของที่นี่ก็คือกลุ่มนักศึกษาจะมากันตอนช่วงเย็น ๆ หากจะเปรียบเทียบการชุมนุมของที่นี่กับที่กรุงเทพฯ

การชุมนุมก็จะใกล้เคียงกันในแง่ของเนื้อหาและความเข้มข้น นิสิต มมส. ถือได้ว่า ถูกคุกคามมากที่สุดในประเทศ ซึ่งข้อเรียกร้องของตนก็ยังเหมือนเดิม ที่เคยเรียกร้องมาตลอด ที่กรุงเทพฯเป็นยังไง ที่มหาสารคามก็เป็นแบบนั้น แต่จะเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีก เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ การเอารัฐบาลออกไปแล้ว ทางภาคอีสานเรื่องมีเรื่องทรัพยากร รวมถึงปัญหาเรื่อง lgbt การถูกละเมิดปัญหาพวกนี้ต้องตีแผ่ออกมาให้มากยิ่งขึ้น