‘อยุธยา’ เล็งทำโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะนำร่องกำจัดขยะครบวงจร

องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อบจ.พระนครศรีอยุธยา) เตรียมลงนามในสัญญาให้เอกชนร่วมทุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับบริษัท เอ็นคอม เวสท์ ทู เอเนอร์จี้ (พระนครศรีอยุธยา) จำกัด หรือ อีซีดับเบิลยู เป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร และสร้างโรงไฟฟ้า ขนาด 6.5 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงโดยใช้ขยะมูลฝอยประมาณวันละ 300 ตันมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงขยะ อาร์ดีเอฟ (Refuse Derived Fuel-RDF )

จากสัญญาดังกล่าวบริษัท เอ็นคอม เวสท์ ทู เอเนอร์จี้ (พระนครศรีอยุธยา) จำกัด จะเป็นผู้ลงทุนในกระบวนการจัดการเชื้อเพลิงขยะที่รับจาก อบจ.พระนครศรีอยุธยา แล้วนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งจะก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยโดยใช้เทคโนโลยีผลิตเชื้อเพลิงขยะแบบเชิงกลและชีวภาพ (Mechanical Biological Treatment : MBT) ร่วมกับเทคโนโลยีเตาเผาขยะชุมชนและผลิตพลังงานไฟฟ้า (Stoker-Type Incinerator) ในโครงการ บนที่ดินราชพัสดุ ขนาดพื้นที่ 73 ไร่ 2 งาน ณ ตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ อบจ.พระนครศรีอยุธยาเป็นผู้ครอบครองสิทธิการเช่าจากกรมธนารักษ์

โดยบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเช่าที่ดินนั้นแก่กรมธนารักษ์ ทั้งนี้ ECW มีระยะเวลาดำเนินกิจการตามสัญญานาน 24 ปี เมื่อสิ้นสุดสัญญา ECW จะส่งมอบกรรมสิทธิ์ในระบบ สิ่งก่อสร้าง อาคาร เครื่องจักร วัสดุ ครุภัณฑ์และอุปกรณ์อื่นๆ ของระบบให้เป็นกรรมสิทธิของ
กระทรวงการคลัง

อีซีดับเบิลยู เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด (EEP) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 75 กับ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 ด้วยทุนจดทะเบียน เริ่มต้น 32.5 ล้านบาท

นายอบีนาช มาจี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท EEP ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทอีซีดับเบิลยู เปิดเผยว่าโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ณ ศูนย์จัดการขยะต้นแบบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต.มหาพราหมณ์ อ. บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้เงินลงทุนในโครงการประมาณ 990 ล้านบาท ประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารระบบผลิตเชื้อเพลิงขยะแบบ MBT และเครื่องจักรกลหลัก เป็นเงิน 20 ล้านบาท การปรับพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เป็นเงิน 50 ล้านบาท งานก่อสร้างอาคารและระบบเตาเผาขยะและผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นเงิน 800 ล้านบาท งานระบบสนับสนุนและอุปกรณ์เครื่องจักรหนัก เป็นเงิน 35 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดิน 14.66 ล้านบาท และงานสนับสนุนอื่น ๆ เป็นเงิน 70.34 ล้านบาท โดยแหล่ง เงินทุนแบ่งสัดส่วนเป็นการกู้เงินจากธนาคารในประเทศ ร้อยละ 70 ในวงเงิน 693 ล้านบาท และเงินทุนของผู้ร่วมทุน ร้อยละ 30 เป็นเงิน 297 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 7 ปี มีแหล่งรายได้จากค่ากำจัดขยะรับจาก อบจ.พระนครศรีอยุธยา อัตราตันละ 200 บาท และรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

“การที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินโครงการนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนหลายด้าน เช่น ส่งเสริมให้การจัดการขยะชุมชนเป็นไปอย่างเหมาะสมโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยลดปัญหาขยะล้นเมือง ส่งเสริมให้มีการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงรูปแบบทางเลือก นอกจากนี้ศูนย์บริหารจัดการขยะ ยังจะเป็นตัวอย่างของรูปแบบทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับส่วนแบ่งจากผลตอบแทนรายได้จากการขายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้า และเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริม ด้านสุขอนามัยของประชาชนด้วย” นายอบีนาช มาจี้ กล่าวในตอนท้าย