‘บิ๊กบี้’ ลั่น ทำให้สังคมปกติสุข สร้างความรัก-สามัคคีขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้ามั่นคง

“บิ๊กบี้” ลั่น ทำให้สังคมปกติสุข สร้างความรัก-สามัคคีขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง/ พร้อมสานต่ออุดมการณ์ ปกป้อง ค้ำจุนสถาบันกษัตริย์ ด้าน “บิ๊กกบ- บิ๊กแดง”ร่วมรำลึกถิ่น”มัฆวานฯ”พร้อมปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมรูป ร.5 จะรักษามรดกพระองค์ท่านด้วยชีวิต

เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) จัดพิธีเทิดเกียรติและอำลาชีวิตราชการทหารชั้นนายพล ขึ้นที่กองบัญชาการกองทัพบก ตามแนวทางของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ต้องการรำลึกถึงสถานที่ตั้งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รร.จปร.) ในอดีต ซึ่งคือที่ตั้งของกองทัพบกในปัจจุบันใกล้กับสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทั้งนี้ มีนายพลทหารบกอัตราพลเอกพิเศษที่เกษียณ เช่น พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.อภิรัชต์ พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด รองผบ.ทสส. พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา พล.อ.ณพนต์ สร้างสมวงศ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.จักรชัย โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. ฯลฯ พร้อมนายพลทหารบก 258 นาย รวม 266 นาย (ยอดรวมนายพลทหารบกเกษียณปีนี้ 340 นาย) เข้าร่วมพิธี

พล.อ.พรพิพัฒน์ได้นำคณะถวายสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ที่ห้องพระบารมีปกเกล้า พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ จากนั้นเป็นกิจกรรมนักเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ที่ลานหน้าพิพิธภัณฑ์ฯ โดยผู้แทนนักเรียนนายร้อย กล่าวตั้งปณิธาน “เดินตามรอยเท้า”

โดยกล่าวว่า “รู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละ และคุณงามความดีของทุกท่าน ขอตั้งปณิธานทำตามเพื่อปฏิบัติตามรอยเท้าของท่านโดยจะปฏิบัติตนให้สมศักดิ์ศรีความเป็นชายชาติทหาร จะอยู่ในศีลธรรมอันดีของศาสนา ปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มีสติไตร่ตรองและใช้วิจารณญาณอันเหมาะสมจะหมั่นฝึกฝนและพัฒนาตนให้มีความสามารถรอบด้านเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มขีดความสามารถ ตระหนักถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญทั้งนี้เพื่อดำรงรักษาและปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตลอดจนประชาชน ให้มีความผาสุก เกิดความรักความสามัคคีในสังคม อย่างเป็นปีกแผ่นมั่นคง” และผู้ร่วมพิธีทั้งหมดร้องเพลง “รั้วแดงกำแพงเหลือง และมนต์มัฆวาน” จากนั้น วงขลุ่ยกลอง 8 นายจาก รร. จปร.ได้นำแถวนายพลเกษียณเดินเท้ามาตั้งแถวถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าหอประชุมกิตติขจร พร้อมกล่าวปฏิญาณตน 3 ครั้งว่า ”ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของพระองค์ท่านไว้ด้วยชีวิต”

ก่อนเข้าหอประชุมเพื่อกระทำพิธีเทิดเกียรติ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเทิดเกียรติว่า ในนามกองทัพบกขอแสดงมุทิตาจิตต่อทุกท่านด้วยความเคารพรักเป็นอย่างยิ่งยิ่ง การปฏิบัติหน้าที่ด้วยการยึดมั่นด้วยอุดมการณ์ทหารมาตลอดชีวิตรับราชการ ทุกท่านได้สร้างประโยชน์ให้กองทัพและประเทศชาติ เป็นอเนกประการด้วยการอุทิศกำลังกาย กำลังใจ ดำเนินภารกิจทุกด้านของกองทัพ เพื่อพิทักษ์รักษา เอกราช อธิปไตย ความสงบเรียบร้อยของชาติและผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ ปกป้อง ค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดีอย่างสูงสุด ตลอดจน สนับสนุนในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ พัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชน ซึ่งปรากฏเป็นผลงานและเกียรติประวัติอันน่ายกย่อง ส่งผลให้กองทัพมีความเข้มแข็ง ทันสมัย และเจริญก้าวหน้า สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภัยคุกคาม และปัญหาอุปสรรคนานัปการ อันควรค่าจารึกไว้เป็นแบบฉบับของทหารอาชีพที่นายทหารรุ่นหลังจะได้สานต่อดำเนินรอยตามเพื่อดำรงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์ศรีของการปฏิบัติด้านความมั่นคงของชาติ และเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาสต่อไป แม้จะต้องสิ้นสุดในหน้าที่ราชการแต่เชื่อว่าภาระหน้าที่ของความเป็นทหารจะยังคงฝังแน่นในจิตใจของทุกท่านอย่างไม่เสื่อมคลาย และขอมีส่วนร่วมจรรโลงกองทัพให้มีความเจริญก้าวหน้า ตลอดจนส่งเสริมภารกิจของกองทัพให้บรรลุจุดมุ่งหมายอย่างเช่นที่เคยปฏิบัติมา

“พวกเราขอให้คำมั่นว่า จะสืบสานอุดมการณ์ของพวกท่าน และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้สังคมมีความปกติสุข มีความรักความสามัคคี อันเป็นจะพลังขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวหน้า ไปข้างหน้า อย่างมั่นคงต่อไป”พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าว

ด้านพล.อ.พรพิพัฒน์ เป็นตัวแทนกล่าวอำลาชีวิตราชการว่า การปฏิบัติราชการในกองทัพนับเป็นช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ทหารของชาติและประชาชนตามปณิธานที่ตั้งไว้ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี โดยมุ่งอุทิศตนทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญา ดำเนินภารกิจของกองทัพให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ ร่วมแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติและพัฒนาสังคมให้มีความเป็นปึกแผ่นแน่นแฟ้น ซึ่งภาระหน้าที่ของทหารอันมีเกียรตินี้ เป็นสิ่งที่พวกเรายึดถือปฏิบัติตลอดไปแม้เกษียณอายุราชการ

“ผมมั่นใจว่าผู้ที่จะเกษียณอายุราชการทุกคนต่างล้วนสำนึกในคุณูปการกองทัพบกที่หล่อหลอมพวกเรามีจิตวิญญาณของความเป็นทหารอยู่ในสายเลือด มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แม้ต้องอำลาชีวิตราชการจากกองทัพ แต่จิตวิญญาณของความเป็นทหารอาชีพยังฝังแน่นอยู่ในจิตใจและพร้อมที่จะเสียสละตนรับใช้กองทัพและประเทศชาติในทุกโอกาส ตลอดจนจะนำประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิตรับราชการมาสนับสนุนการดำเนินการงานของกองทัพด้วยความเต็มใจตลอดไป ทั้งนี้จะเป็นกำลังใจให้กำลังพลที่ยังราชการอยู่ในกองทัพบกสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สมกับที่ประชาชนให้ความเชื่อถือและไว้วางใจตลอดมา ” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเสร็จพิธี ทาง พล.อ.พรพิพัฒน์ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก เนื่องจากประตูหน้าบก.ทบ. มีกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก มาเรียกร้องให้ทางผบ.เหล่าทัพ ลาออกจากส.ว.