“อุ้มหาย..แล้วไง?” : “ฟลุ๊ค” ให้แง่คิดศิลปินอ้าง “เป็นกลาง” หลานครูเตียงชี้ครอบครัวเลี่ยงพูดปมปู่ถูกอุ้มฆ่า

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ มีการจัดเสวนาหัวข้อ ‘อุ้มหาย….แล้วไง?’ โดยกลุ่มคณะประชาชนเพื่อเสรีภาพ (คปอ.) ดำเนินรายการโดย นางสาวณัฏฐา มหัทธนา

ในตอนหนึ่ง นายพชร ธรรมล หรือฟลุค เดอะสตาร์ กล่าวว่า กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้เห็นคนตื่นตัวต่างจากผู้ถูกอุ้ม 8 คนที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ติดตามข่าว สังคมมีการพูดถึง แต่อยู่ในวงแคบ อาจเพราะวันเฉลิมยังนับว่าอายุน้อยถ้าเทียบกับคนอื่น เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้โจมตีใครในลักษณะหยาบคาย แต่นำเสนอข้อเท็จจริง

“ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง เลือกที่จะลี้ภัย จะด้วยเหตุผลความปลอดภัย หรือต้องการไปใช้ชีวิตที่อื่นก็ตาม ก็เป็นสิทธิ แต่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือการอุ้มหาย” นายพชรกล่าว

สำหรับประเด็นคนวงการบันเทิงแสดงความเห็นทางการเมือง นายพชรกล่าวว่า เมื่อครั้งตนแสดงความเห็นทางการเมืองจนเกิดกระแสข่าว ทำให้งานร้องเพลงและอีเวนต์ต่างๆ โดนยกเลิกทั้งหมด นอกจากนี้สื่อที่เลือกฝั่ง ยังนำเรื่องส่วนตัวออกเผยแพร่ เชื่อว่าเป็นการลดความสำคัญกของประเด็นที่ตนต้องการนำเสนอ สุดท้ายต้องไปหางานอื่นทำ อย่างไรก็ตาม มองว่าทุกคนควรพูดสิ่งที่ตัวเองเชื่อได้ เพราะสุดท้ายทุกความเชื่อมีทั้งข้อดีข้อเสีย ทั้งผิดและถูก แต่ถ้าได้แลกเปลี่ยนถกเถียง จะได้มาร่วมพิจารณาว่าแนวทางใดนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

“ศิลปินอยู่ได้ด้วยการสนับสนุน จากการซื้อ จากคนจากสังคม แต่สุดท้าย พอเรื่องที่จะพูดไปขัดใจรัฐหรือสปอนเซอร์กลับเลือกบอกว่าเป็นกลาง ซับซ้อน อ่อนไหว เหมือนจะเอาอย่างเดียว ไม่ให้อะไรกลับคืนสังคม ขอชื่นชมคนที่กล้าทำให้เห็นว่าใครมีจิตสำนึก มีความกล้าหาญต่างจากคนอื่น คิดว่าสังคมจะมีกระแสตอบกลับไปต่อคนที่เลือกเงียบหรือเลือกพูดเอง” ฟลุค เดอะสตาร์กล่าว

ขณะที่ นางสาว จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) หลานนายเตียง ศิริขันธ์ เสรีไทย เจ้าของฉายุขุนพลภูพานกล่าวว่า สนท.เป็นกลุ่มแรกที่ทราบข่าวนายวันเฉลิมถูกอุ้ม ตอนแรกที่เริ่มกระจายข่าวมีผู้มาบอกว่าอย่าเพิ่งทำอะไร เพราะมีผลต่อรูปคดี จึงลบข่าวก่อน กระทั่งได้รับคำบอกว่าสามารถกระจายข่าวได้ จึงเริ่มกระจายข่าวและติดแฮชแท็กเพื่อให้สังคมทราบ แล้วคุยกันว่าควรทำอะไร เพราะเป็นเรื่องที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยมีความยุติธรรมกลับสู่ครอบครัวและผู้ถูกกระทำ จึงจัดกิจกรรมที่สกายวอล์ก ถูกตำรวจขู่ในประเด็นพรก.ฉุกเฉิน ซึ่งน่าใจหายมาก เพราะขณะที่คนไทยคนหนึ่ง มนุษย์คนหนึ่งถูกอุ้มหาย เจ้าหน้าที่รัฐสามารถใช้กฎหมายข่มขู่ แทนที่จะสนใจการหายไปของคนๆหนึ่ง พวกตนจึงยืนยันว่าจะส่งเสียงเรียกร้อง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากสังคม

นางสาวจุฑาทิพย์กล่าวว่า ส่วนตัวด้วยครอบครัวมีความรู้สึกร่วมโดยตรง เพราะนายเตียง ศิริขันธ์ ซึ่งเป็นปู่ทวดโดนอุ้มฆ่าจากทางการ แต่ต้องยอมรับว่าครอบครัวแทบไม่พูดเรื่องนี้เลย เพราะไม่อยากให้ตนกลัว จึงพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึง ตนไม่รู้เรื่องกระทั่งมาอ่านหนังสือถึงรู้ นอกจากนี้ยังถูกห้ามยุ่งเรื่องการเมือง เพราะเป็นห่วง นามสกุลก็พ่วงอยู่ อาจเป็นเป้าได้ ที่ผ่านมาเคยพยายามสอบถาม แต่ไม่เคยได้รับข้อมูลจากใคร

“กรณีเซฟวันเฉลิม ไม่ใช่การเลือกข้างทางการเมือง แต่เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน จึงได้รับความสนใจจากสังคม และเหตุการณ์หลายอย่างในบ้านเมืองเราก็ส่งผลให้คนออกมาแสดงความเห็นและมีส่วนร่วม วันก่อนจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ผูกโบว์ขาวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดนพรบ.ความสะอาด และเกือบโดนพรกฉุกเฉิน ซึ่งตกใจมากเพราะอัตราโทษสูง แต่ไม่ได้กลัวการนอนคุก แค่อยากสร้างบรรทัดฐานสังคมว่าการแสดงออกสามารถทำได้ และอย่างน้อยพวกเรายังส่งเสียงได้ ในขณะที่วันเฉลิมทำไม่ได้จึงอยากส่งเสียงแทน” นางสาวจุฑาทิพย์กล่าว

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่