ประยุทธ์ลุกแจง รบ.ไม่ได้ทำ ศก.พังอย่างที่ถูกกล่าวหา ย้ำถ้าไม่มีโควิดไม่กู้ ซัดพวกบอกทุจริตอย่าเอาคำบอกเล่าในโซเชียล

‘นายกฯ’ เผย ถ้าไม่มีโควิดก็ไม่ต้องกู้เงิน ยัน ดูแลเศรษฐกิจทุกระดับ

เมื่อเวลา 16.50 น.วันที่ 30 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ เพื่อฟื้นฟู แก้ปัญหาในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ว่าถ้ามองด้วยความเป็นธรรม รัฐบาลไม่ได้ทำเศรษฐกิจพังแบบที่หลายท่านอภิปราย เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับนี้มาตลอด รัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้ดีพอสมควร โดยพยายามทำอย่างเต็มที่ ตนย้ำหลายครั้งเรื่องหนี้สาธารณะว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้ ทำให้เรากู้เงินได้ในวันนี้ และเป็นการกู้เงินมาเพื่อการลงทุนเพื่ออนาคต จากสถานการณ์โลกที่ผ่านมา ถ้าไม่มีโควิด-19 เราคงไม่ต้องกู้เงิน แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และเมื่อกู้หลายคนยังพูดกลับไปกลับมาว่ากู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ท่านไม่ฟังหรือไม่สนใจจะฟัง ตนบอกหลายรอบแล้วว่ากู้ 1 ล้านล้านบาท แต่เงิน 9 แสนล้านบาท เป็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ามีคนเก่งช่วยกันทำงาน และตนจริงใจแก้ปัญหา ยอมรับว่าการแก้ปัญหาปัจจุบันที่เป็นสถานการณ์พิเศษต้องใช้วิธีอย่างถูกที่และถูกเวลา ตนมองว่าข้อเสนอที่ได้ ไม่ใช่เพราะใครเก่งกว่าใคร แต่อยู่ที่ความร่วมมือ ดังนั้น ขอให้ ส.ส.อย่าใช้เวทีสภาต่อสู้ แต่ควรช่วยเหลือทุกด้านเพื่อชี้แจงกับประชาชน เหมือนโควิด ถ้าไม่ร่วมมือต่อให้ใช้กฎหมายแรงก็แก้ไม่ได้ เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงด้วยว่า ที่ระบุว่ารัฐบาลทุจริตนั้น ขอถามกลับว่าทุจริตคืออะไร ไม่ใช่แค่คำบอกเล่า คำบอกต่อ หรือส่งต่อทางโซเชียลมีเดีย แต่ต้องตรวจสอบ มีกระบวนการศาลตัดสิน โดยขณะนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบทุจริตนั้นจับตาดู

“กระบวนการยุติธรรม ใครหนี ใครถูกขัง เป็นเรื่องของบุคคล หากบอกว่ารัฐบาลทุจริต จะทุจริตได้อย่างไร ที่รู้เพราะก่อนหน้านั้นมีการทุจริต ถึงรู้ใช่หรือไม่ ซึ่งการแก้ปัญหาตอนนี้ต้องแก้จากข้างล่าง ส่วนข้างบนคือการทำแผนงานที่ได้จากประชาชน ฟังความต้องการ ทั้งนี้ หากมีการทุจริตต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เหมือนที่มีข่าวออกมาแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯชี้แจงด้วยว่า ส่วนที่ระบุว่ารัฐบาลกู้เงินจะทำให้เศรษฐกิจพัง และเทียบข้อมูล 10 ปีย้อนหลัง ตนมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างกัน ที่ผ่านมารัฐบาลดูแลเศรษฐกิจทุกระดับ ที่ระบุว่ามีหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นนั้นเพราะสภาพสังคมเปลี่ยน มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยต้องการความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น จึงต้องใช้เงินผ่อน ซึ่งรัฐบาลเข้าใจถึงสร้างมาตรการว่าด้วยการออม ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ รัฐบาลพยายามเต็มที่เพื่อแก้ปัญหา และตัวเลขมีขึ้นมีลง ไม่สูงแบบขึ้นปรี๊ด ทั้งนี้  ตนยืนยันว่าหากไม่มีสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลจะไม่กู้เงิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ดังนั้น อย่าอภิปรายพันกัน