‘สาทิตย์’ หวั่น จังหวัดฮั้วผู้รับเหมาทุจริตพ.ร.ก.กู้เงิน ชงตั้งกก.กลั่นกรองติดตามทุจริต

ถก พ.ร.ก.กู้เงิน วันที่ 3 “สาทิตย์” หวั่นจังหวัด ฮั้วผู้รับเหมา เอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่น เสนอตั้งกก.กลั่นกรองควบคู่ คณะกก.วิสามัญ ติดตามการใช้เงิน

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ ได้ชี้ให้เห็นว่าโจทย์ได้เปลี่ยนแปลงไป และการดำเนินการใดๆในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากับที่จะ ดำเนินการต่อไปนั้นจะเป็นแนวทางที่จะเป็นบรรทัดฐานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในส่วนของ พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท การทำมาแก้ปัญหาจะต้องทำให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากเกิดความเสียหายกระทรวงการคลังจะต้องรับผิดชอบ ดังนั้นต้องมี 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ 1.ต้องสัมพันธ์กับมาตรการผ่อนคลาย คำถามคือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่ใช้มา 2 เดือนแล้ว จำเป็นจะต้องขยายต่อไปหรือไม่เพราะจะไปให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดไปกำหนดมาตรการล็อกดาวน์หรือการผ่อนคลายบางพื้นที่ ซึ่งทำให้กระทบต่อภาคเศรษฐกิจของคนหาเช้ากินค่ำด้วย และ 2. เงิน 4 แสนล้านบาท ต้องให้เกิดผลทันที ตัวชี้วัดนอกจากเยียวยากับสาธารณสุขแล้วใน 4 แสนบ้านบาทนี้จำเป็นต้องให้เกิดผลทันที คือตัวโครงการว่าเอาไปทำอะไรบ้าง แต่ตนเห็นว่าไม่มีระบุว่าวงเงินเท่าไหร่ สะท้อนว่าไม่มีการคิดไว้ก่อนหรือไม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องตอบ และเมื่อให้แต่ละจังหวัดเสนอก็อย่าให้เป็นโครงการประเภทจังหวัดฮั้วกับผู้รับเหมา หรือเอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่นเขียนให้เข้าเงื่อนไข ยิ่งด่วนๆ แบบนี้ทำง่าย ตกจังหวัดละ 5 พันกว่าล้านบาท

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า เพื่อไม่ให้เกิดการฮั้วกันก็ควรจะมีกรรมการกลั่นกรอง โดยให้ภาคประชาสังคมที่ทำเรื่องการติดตามการทุจริตมาอยู่ในกรรมการด้วย เชื่อว่าการพิจารณาโครงการจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และการเปิดเผยข้อมูลของแต่ละโครงการว่าเป็นอย่างไร และเพื่อให้เกิดการโปร่งใส่มากขึ้น สมาชิกในสภาหลายคนเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่มาจากทุกพรรคการเมือง เพื่อทำหน้าที่ติดตามการใช้จ่ายเงินที่เกิดจาก พ.ร.ก.กู้เงินโดยเฉพาะตัวเงิน 4 แสนล้านบาท ควบคู่กับกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งคิดว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลน่าจะเห็นประโยชน์ตรงกัน เพราะ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับเกี่ยวพันกับชีวิตคน และหนี้สินที่จะเกิดกับลูกหลานต่อไปในอนาคตด้วย ดังนั้นการพิจารณาที่รอบคอบจึงต้องติดตามไปดูสิ่งที่เกิดขึ้น