หลังจากที่ประเทศต่างๆ กำลังวางแผนผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มและการปิดเมืองเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 โดยเยอรมนีเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ประกาศบังคับให้ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยขณะออกมาในพื้นที่สาธารณะ ล่าสุดฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรปที่ประกาศบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเช่นกัน

นายเอดัวร์ ฟิลิปป์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสระบุว่า ผู้ที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะรวมถึงนักเรียนในโรงเรียนมัธยมจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หลังรัฐบาลฝรั่งเศสประกาศผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้

โรงเรียนต่างๆ ภายในฝรั่งเศสจากค่อยๆ เปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นขั้นตอน โดยเริ่มต้นจากโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนระดับชั้นประถม ซึ่งนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 11-15 ปีจะต้องใส่หน้ากากอนามัยในโรงเรียน

ขณะที่ร้านค้าต่างๆ รวมถึงตลาดก็ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 11 พฤษภาคมเช่นกัน แต่ยังไม่รวมถึงร้านอาหารและบาร์ โดยร้านค้ามีสิทธิที่จะขอให้ผู้ซื้อสวมใส่หน้ากากอนามัย และต้องวางมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าจะต้องมีการรักษาระยะห่างทางสังคมระหว่างกันอย่างน้อย 1 เมตร

ขณะที่ชาวฝรั่งเศสจะสามารถออกมาใช้ชีวิตภายนอกได้อีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องมีใบยืนยันเหตุผลของการออกมานอกเคหสถาน โดยทางการยังอนุญาตให้มีการรวมตัวของกันในที่สาธารณะของผู้คนได้ไม่เกิน 10 คน

นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า มาตรการปิดเมืองสามารถรักษาชีวิตผู้คนในประเทศได้ถึงราว 62,000 คนในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการล่มสลายทางเศรษฐกิจ โดยผู้คนต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับไวรัส จนกว่าจะมีการคิดค้นวัคซีนหรือการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้ในที่สุด