สรุปเศรษฐกิจดี ? อ่าน “ประยุทธ์” ชี้แจงหลัง “มิ่งขวัญ”อภิปราย : โรงงานเปิดมากกว่าปิด จ้างงานพรึบ!

นายกฯ ชี้วางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน ยันทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย แจงโรงงานเปิดตัวใหม่กว่า 3,000 แห่ง พร้อมจ้างงานเพิ่ม 100,000 ตำแหน่ง ตอกหน้าฝ่ายค้านมั่วข้อมูลคนตกงาน

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า ตนจดทุกสิ่งที่สมาชิกพูดโดยจะรับไว้พิจารณา ที่ผ่านมาตนเคยคุยกับนายมิ่งขวัญมาแล้ว สิ่งสำคัญ คือวิธีการทางกฏหมาย ทางกลไกต่างๆ ยังมีปัญหาอยู่มากพอสมควร ฉะนั้น จำเป็นต้องวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เป็นศูนย์กลาง ซึ่งหากเราแตกความสามัคคีประเทศชาติไม่พร้อม ต่างชาติก็พร้อมจะอ้อมจากเราไปทันที เช่น รถไฟความเร็วสูงที่จะผ่านไทยก็เตรียมจะอ้อมไปทางประเทศเพื่อนบ้านของเราแล้ว ตนขอขอบคุณคำแนะนำ อะไรทำได้ตนพร้อมตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องของกฏหมาย และเป็นการตัดสินใจร่วมกันของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แม้แต่รัฐบาลชุดที่แล้วตนก็ไม่เคยตัดสินใจคนเดียว แต่ต้องแก้ไขกฏหมายหลายร้อยฉบับถึงมีวันนี้ อย่างไรก็ตาม ขออย่ามองว่า ตนเข้ามาแล้วจะสร้างความเสียหายอะไรเลย ไม่มีใครอยากทำให้เสียหาย เพราะที่นี่คือแผ่นดินไทย อย่างไรก็ตาม ตนขอใช้เวลาให้สั้นที่สุด จะได้ตั้งหลักไว้ เดี๋ยวจะหมดแรงกันเสียก่อน พรุ่งนี้มาสู้กันใหม่

นายกฯ ชี้แจงกรณีการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมว่า จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรม ตามข้อมูลการจดทะเบียนโรงงานจำพวก 2 และ 3 ของปี 2562 พบว่า แม้จะมีการยื่นขอปิดกิจการโรงงานจำนวน 1,689 โรงงาน แต่เมื่อเทียบกับการขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่ซึ่งมีถึง 3,175 โรงงาน ถือว่าโรงงานเปิดใหม่มีมากกว่าที่ปิดกิจการสูงถึงร้อยละ 88.0 หรือเกือบ 1 เท่าตัว และหากนับรวมจำนวนโรงงานที่ยื่นขอขยายกิจการเข้าไปด้วยจะมีจำนวนทั้งสิ้น 4,303 โรงงาน ซึ่งมากกว่าที่ปิดกิจการถึงร้อยละ 154.8 หรือประมาณ 1.5 เท่าตัว

นอกจากนี้ ในส่วนของผลกระทบด้านอื่นๆ จากสถานการณ์การเปิด-ปิดโรงงานพบว่า แม้ว่าจะมีการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการจำนวน 43,794 คน แต่ก็มีการจ้างงานจากการประกอบกิจการใหม่สูงถึง 96,492 คน บวกกับจ้างงานเพิ่มจากการขยายโรงงานอีกจำนวน 110,316 คน สะท้อนว่าภาวการณ์จ้างงานไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และหากพิจารณาในแง่ของเม็ดเงินลงทุนในปี 2562 พบว่า มีเม็ดเงินลงทุนในโรงงานที่ยื่นประกอบกิจการใหม่มูลค่า 301,276.7 ล้านบาท และมีเม็ดเงินลงทุนของโรงงานที่ขอขยายกิจการมูลค่า 180,529.8 ล้านบาท รวมเป็น 481,806.5 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 31.60 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในการประกอบกิจการที่เพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้โรงงานหลายแห่งต้องการรับแรงงานเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานมีตำแหน่งงานว่างกว่า 34,626 อัตรา (ณ วันที่ 21 ม.ค. 63) และกระทรวงแรงงานได้ฝึกทักษะแรงงานใหม่ให้สามารถทำงานได้ รองรับการจ้างงานที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอีกด้วย