เผยแพร่ |
---|
“ผอ.ใหญ่ยูเอ็น” พบ “นายกฯ” วอนอย่าเชื่อเฟคนิวส์บนโลกออนไลน์ ฟุ้ง ไทยประชาธิปไตยดีขึ้น หลังเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฉู ตงหยู (Mr. Qu Dongyu) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Director of Food and Agriculture Organization of United Nation: FAO) เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและขอบคุณ คณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป – อาเซียน (EU – ABC) และคณะผู้แทนสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (EABC)ที่ให้ความสนใจในศักยภาพเศรษฐกิจไทย และขอให้เชื่อมั่น อย่าได้มีความกังวลกับรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ที่มีกลไกถ่วงดุลอำนาจ และการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมายที่กำหนด และยังมีองค์กรอิสระ อย่างเช่นศาลรัฐธรรมนูญคอยตรวจสอบด้วย แม้จะมีการแสดงความเห็นและให้ข้อมูลในสังคมออนไลน์มาก ก็ไม่ใช่ว่าเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยรัฐบาลจะมีการปฎิรูปทุกอย่าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การยึดหลักบริหารแบบมีธรรมาภิบาล โปร่งใส เป็นธรรม เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง สังคมที่ปรองดอง บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ซึ่งการจัดอันดับประชาธิปไตยของไทย ดีขึ้น 38 อันดับหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยืนยันความพร้อมของไทยที่จะทำงานร่วมกับ FAO อย่างใกล้ชิด เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และภูมิภาคต่อไป พร้อมทั้งขอบคุณต่อการสนับสนุนของ FAO ในการจัดตั้งวันดินโลก ในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ด้วย
ด้านผู้อำนวยการใหญ่ FAO แสดงความชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในฐานะประธานอาเซียนประจำปี 2562 และขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุน FAO มาโดยตลอด พร้อมทั้งขอให้ไทยพิจารณาการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชา FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 35 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นข้อริเริ่ม Hand in Hand Initiatives (HIHI) ซึ่งเป็นกลไกในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยผู้อำนวยการใหญ่ FAO ขอให้ไทยสนับสนุนประเทศเป้าหมายในภูมิภาคที่มีอัตราความยากจนและความหิวโหยในระดับสูง ให้จับคู่กับประเทศที่มีศักยภาพในการช่วยเหลือ ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีให้การสนับสนุนหลักการของข้อริเริ่มนี้ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ FAO พิจารณาเรื่องการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของไทย เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม การเพิ่มมูลค่าสินค้าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ FAO ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าควรมีข้อริเริ่มในด้านนโยบายใหม่ๆ การทำฟาร์มดิจิทัล รวมทั้งแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อปรับเปลี่ยนสินค้าเกษตรในรูปแบบเดิมให้เป็นสินค้าเกษตรเชิงพาณิชย์ และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกต่อไป