“ซูเปอร์โพล” ยก ”ตูน บอดี้สแลม” วิ่งเพื่อ รพ. ดีกว่าวิ่งไล่ลุง-วิ่งเพื่อแผ่นดิน ชี้ชายจูบชายที่สภาไม่เหมาะสม

ผช.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยว่า ได้จัดทำการสำรวจภาคสนาม เรื่องเสรีภาพ ผิดประเทศ จากกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล”(Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 2,100 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม”(Traditional Voice) จำนวน1,209 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 –21 ธันวาคม 2562

โดยถามถึงความเห็นกรณี “ชายกับชายกอดจูบปากกันที่สภาฯ” พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.4 ระบุไม่เหมาะสม เพราะ ใช้เสรีภาพผิดที่ ไม่เหมาะกับประเทศไทย ขาดจิตสํานึก ไม่นึกถึงหลักคุณธรรม จริยธรรมวัฒนธรรมของสังคมไทย พวกเดินตามก้นฝรั่ง ปล่อยให้พวกฝรั่งจูงจมูก และไม่รักวัฒนธรรมไทย เป็นพวกอยู่ผิดประเทศ เป็นต้น

ในขณะที่ ร้อยละ 18.6 ระบุ เหมาะสม เพราะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเป็นประชาธิปไตยจะทําอะไรก็ได้ เป็นต้น ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงการนัดหมายพาคนลงถนน จะสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับคนกลุ่มใดบ้าง ทั้งนี้ตอบได้มากกว่า 1ข้อ พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 44.8 ระบุ รถติด คนทุกกลุ่มเดินทางลำบาก รองลงมาคือ ร้อยละ 38.7 ระบุ ความวุ่นวาย ความไม่สงบของบ้านเมือง ร้อยละ 32.3 ระบุ เศรษฐกิจแย่ลงไปอีก คนทุกกลุ่มเดือดร้อน ร้อยละ 31.3 ระบุ รายได้ลดของคนขับรถแท็กซี่ และรถรับจ้าง ร้อยละ 27.3 ระบุ คนป่วยที่ต้องพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเส้นทางชุมนุมของคนลงถนน และร้อยละ 5.0 ระบุอื่น ๆ เช่น ทําทุกคนลําบากกันไปหมด ทํามาหากิน การเงินขัดสนลงไปอีก เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึง กิจกรรมกระตุ้นให้คนไทย ออกมาวิ่ง กิจกรรมใดที่ทำแล้วเหมาะสม น่ายกย่องเชิดชู มากกว่ากันระหว่าง วิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือ กับ วิ่งไล่ลุง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.4 ระบุ ยกย่องเชิดชู การวิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือ ของ”ตูน บอดี้สแลม” เหมาะสมมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 16.6 ยกย่องเชิดชู วิ่งไล่ลุง เหมาะสมมากกว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึง พรรคการเมืองใดอยู่เบื้องหลัง วิ่งไล่ลุง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.9 ระบุ พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล อยู่เบื้องหลัง และร้อยละ 25.1 ระบุ อื่น ๆ เช่นไม่มีใครอยู่เบื้องหลังและมีกลุ่มอื่น ๆ เช่น คนจัดวิ่งไล่ลุงมีหน้า facebookและtwitter ใช้สื่อโซเชียลโจมตีแต่รัฐบาลด้านเดียวเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ขาดความเป็นกลาง และมีแต่อคติ เสนอภาพลบของรัฐบาลเพียงมิติเดียว ขาดจรรยาบรรณของนักทํากิจกรรมทางการเมืองที่ดี มุ่งจะขายของหารายได้ จากการขายเสื้อ ขายของ ผลประโยชน์ทางธุรกิจ เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 25.1 ระบุ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง

ผช.ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ที่น่าสนใจคือ เมื่อวิเคราะห์เสียงของประชาชนในโลกโซเชียล (Social Media Voice) ผ่านระบบNet Super Poll ในช่วง 1 วันที่ผ่านมา ด้วยการประมาณการจำนวนเข้าถึงเรื่อง กิจกรรมวิ่ง3ประเภท ได้แก่ วิ่งไล่ลุง วิ่งเพื่อแผ่นดิน และวิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือ ของตูน บอดี้สแลม พบว่าจำนวนคนในโลกโซเชียลต่อกิจกรรม “วิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือ” มีจำนวนทั้งสิ้น 1,530,101 คน มากกว่า “วิ่งไล่ลุง” จำนวนทั้งสิ้น 1,088,273คน และ “วิ่งเพื่อแผ่นดิน” มีจำนวนทั้งสิ้น 217,599 คนตามลำดับ อย่างไรก็ตาม

ที่น่าพิจารณาคือ เสียงตอบรับต่อ กิจกรรมวิ่ง 3 ประเภท พบว่า วิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือได้เสียงตอบรับเชิงบวกร้อยละ 90.2 ขณะที่ วิ่งเพื่อแผ่นดิน ได้ร้อยละ 55.6 และวิ่งไล่ลุง ได้ร้อยละ 37.5 โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.5 เป็นเสียงตอบรับในทางลบต่อกิจกรรม วิ่งไล่ลุง

ผู้อำนวยการซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าชายกับชายกอดจูบปากกันที่สภาฯ และวิ่งไล่ลุง อาจถูกมองว่า เป็น “เสรีภาพที่ผิดประเทศ” เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงต้องการความสงบสุขของบ้านเมืองและต้องการรักษาวัฒนธรรมของสังคมไทยไว้มากกว่าเดินตามก้นฝรั่งทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาและไม่มีหลักประกันว่าประเทศเหล่านั้นจะไม่วุ่นวายหรือปลอดภัยแท้จริงยิ่งไปกว่านั้นภาพในอดีตที่คนในชาติขัดแย้งรุนแรงบานปลายเกิดการเผาบ้านเผาเมือง ทำศรษฐกิจทรุดหนักและภาพจลาจลในประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ทำลายความเจริญของประเทศเหล่านั้น ทำลายความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์อาจจะส่งผลต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่สะท้อนออกมาในผลโพลครั้งนี้ ดังนั้น กลุ่มคนที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมืองได้โปรดอย่ามองข้าม “ไทยนี้รักสงบ” ฝังรากลึกในจิตสำนึกของคนไทยทั้งประเทศ