“บิ๊กตู่” รับกม.คลอดยาก เหตุต้องผ่านสภาฯ ชี้ จะต่ำเตี้ยอยู่แบบนี้ ถ้าไม่หยุดสู้ทางการเมือง

“บิ๊กตู่” รับกม.คลอดยาก เหตุต้องผ่านสภาฯ เชื่อไร้ปัญหา วอนทุกฝ่ายยึดประโยชน์ชาติ ฟุ้งต่างชาติชมเปาะ “บ้านเมืองสงบเรียบร้อย-เสถียรภาพ”

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธานพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานเปิดตัว เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network : TRBN) และงานสัมมนา “ถึงเวลา เติบโต ร่วมกัน” โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมงาน

โดยก่อนการเปิดงาน นายกรัฐมนตรี ได้พบปะพูดคุยกับผู้บริหารด้านเศรษฐกิจนอกรอบ ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากเครือข่ายภาคธุรกิจ พร้อมมอบนโยบายให้ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาอย่างยั่งยืนทุกมิติ รวมถึงดูแลทุกกลุ่มประชากรอย่างทั่วถึง

ต่อมาเวลา 10.15 น.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันดีวันหนึ่ง เป็นเกียรติที่ได้มาเปิดตัวเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย คำว่าเครือข่ายจะต้องไม่ยุ่งเหยิง ไม่เช่นนั้น เครือข่ายจะยุ่งไปหมดเหมือนสายไฟวันนี้ รัฐบาลกำลังแก้ทั่วประเทศ รวมถึงสายโทรศัพท์ด้วย กำลังเอาลงใต้ดิน จะต้องเริ่มโครงการตั้งแต่วันนี้ ซึ่งเป็นโครงการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นโครงการเทิดพระเกียรติ เนื่องในปีแห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ยังเหลือคือพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค วันนี้เราต้องเติบโตไปด้วยกัน รัฐบาลในฐานะกำกับดูแลนโยบายต่างๆ อำนวยความสะดวกให้การสนับสนุน ริเริ่มมาตรการทางการเงินการคลัง และรู้สึกยินดีที่ได้พบผู้ลงทุน ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ขณะที่โลกและสังคมไทย อยู่ในจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน มีการเปลี่ยนแปลงทั้งโลกโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างด้วยกัน เราจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องการเปลี่ยนแปลง ภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจต่างๆ ต้องร่วมมือกัน เรามีโครงการมาแล้วในรูปแบบโครงการประชารัฐ ไม่ใช่มาจากพรรคการเมือง แต่เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากการเดินทางไปประชุมเวทีต่างประเทศ ทั้งหมดกำลังตื่นตัวเรื่องเหล่านี้ ประเทศไทยก็ต้องตื่นตัวเหมือนกัน และรู้สึกยินดีที่ภาคเอกชนมีการจัดตั้งเครือข่ายมาแก้ปัญหา โดยในปี 2564 นอกจากการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก ข้อตกลงพันธสัญญาทางการค้าที่มีมากมาย วันนี้ไม่ใช่โลก 2 ขั้วอำนาจแล้ว มีหลายขั้วอำนาจ โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ ทั้งสูง กลาง มีการแบ่งกันหลายฝ่าย เราต้องช่วยกันคิดเพื่อสร้างความสมดุล จะแยกกันคิดไม่ได้อีกแล้ว เดิมเราแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยมาตรการการเงินการคลัง และภาษี แต่วันนี้ต้องแก้ด้วยมาตรการการเงินสมัยใหม่ โดยการจัดตั้งกองทุน ต้องคิดว่าจะนำของภาครัฐและเอกชนมาสมทบกันได้อย่างไร มีเป้าหมายจะใช้กับใครได้อย่างไร เราต้องทำไปด้วยกันไม่ใช่สั่งแล้วจะทำได้ทีเดียว ต้องใช้กฎหมายคู่ขนานไปด้วย

“วันนี้กฎหมาย อาจจะออกยากสักนิด เพราะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ไม่มีปัญหา ถ้าทุกคนเข้าใจในเป้าหมายของเราว่ากำลังจะร่วมมือทำอะไร เราจะต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว มันต้องเอาผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ หากเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยทั้งวิธีคิด วิธีทำ จะแก้อะไรไม่ได้ จะชะงักที่เดิม และจะต่ำเตี้ยอยู่แบบนี้ ทั้งที่โอกาสเรามีมากมาย ผมไปทุกประเทศเขาชื่นชมประเทศไทย บ้านเมืองมีเสถียรภาพ สงบเรียบร้อย แม้จะมีปัญหาทางการเมืองเป็นธรรมดา เขาก็รับได้ แต่ทำอย่างไรที่จะไม่ทำให้ชื่อเสียงของเราเสียหายในเวทีต่างประเทศ คงไม่ใช่เพราะผม แต่เป็นเพราะพวกเราช่วยกัน ฉะนั้น ขอฝากทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งหมด ช่วยทำให้บ้านเมืองสงบสุข มีเสถียรภาพ สร้างความเชื่อมั่น อะไรไม่ใช่ปัญหาหลักปัญหาใหญ่หยุดกันเสียบ้าง ไม่เช่นนั้น จะเดินหน้าอะไรไม่ได้ทั้งหมด ความขัดแย้งก็สูง ประชาชนก็ไม่เข้าใจ เดินอะไรไม่ได้สักอัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ได้อะไรมาก็ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว