“บีอีเอ็ม” ทุ่ม 3.1 หมื่นล้านแก้ข้อพิพาททางด่วน | แบงก์กรุงเทพขอ 3 เดือนค่อยลด ดบ.ฝาก | ชี้เป้าทำเลบ้านไม่เกิน 3 ล้าน

แฟ้มข่าว

“ครม.” ไฟเขียวชิมช้อปใช้เฟส 3 งดแจกพัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวภายหลังการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดกาญจนบุรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 3 โดยใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้วเดิม เป็นกระเป๋าที่ 2 ทั้งนี้ เมื่อผ่านความเห็นชอบไปแล้ว จะเป็นเรื่องของกระทรวงการคลังที่ต้องดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ต่อไป เพื่อให้สามารถประกาศใช้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะการประกาศรับสมัครสมาชิกต่างๆ อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับแก้การลงทะเบียนต่างๆ ให้เป็นเวลากลางวัน เพราะกลางคืน บางทีตี 3 ตี 4 ก็ครบสิทธิ์ไปแล้ว บางทีเปิดมาแค่ 4 นาทีก็ครบแล้ว แสดงว่าประชาชนให้การตอบรับตรงนี้ดี

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 3 โดยเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพิ่ม 2 ล้านคน ผู้ที่ลงทะเบียนใหม่จะไม่ได้รับเงิน 1,000 บาท เหมือนผู้ลงทะเบียนในเฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งการดำเนินการในเฟส 3 เพื่อต้องการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายกระเป๋า 2 เพิ่มขึ้น หากรวมทั้ง 3 เฟสจะทำให้มีประชาชนลงทะเบียนชิมช้อปใช้ถึง 15 ล้านคน ทั้งนี้ ชิมช้อปใช้เฟส 3 ขยายเวลาไปจนถึงเดือนมกราคม 2563 จากเดิมกำหนดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยกลุ่มที่ลงทะเบียนไว้ 2 เฟสแรกจะได้รับการขยายเวลาไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งกระทรวงการคลังต้องการให้เกิดการใช้จ่ายในกระเป๋าที่ 2 ซึ่งเป็นเงินในกระเป๋าของประชาชน โดยจะได้รับการคืนเงินจากการใช้จ่ายผ่านแอพลลิเคชั่นเป๋าตัง คือไม่เกิน 3 หมื่นบาท คืน 15% ส่วนที่เกิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 5 หมื่นบาท คืนเงินให้ 20% ถ้าใช้จ่ายถึง 5 หมื่นบาทจะได้รับเงินคืนถึง 8.5 พันบาท ถือว่าสูงมาก

แบงก์กรุงเทพขอ 3 เดือนค่อยลด ดบ.ฝาก

นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในขณะนี้ธนาคารยังไม่มีแผนปรับลดดอกเบี้ยเงินฝาก โดยจะพิจารณาอีกครั้งใน 3 เดือนข้างหน้าว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากในส่วนใดบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุน อย่างไรก็ตาม จะพยายามให้กระทบกับผู้ออมเงินน้อยที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มวัยเกษียณที่ออมเงินฝากเป็นหลัก รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบเงินออมใหม่ๆ ที่เร้าใจมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันถือว่าต่ำมากและไม่ได้น่าจูงใจให้ออม ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงของธนาคารหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.25% คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจได้ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2563 มีแนวโน้มชะลอตัวและยังไม่ดีมากนัก โดยฝั่งยุโรปที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่สหรัฐและจีนได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออกที่ขณะนี้การส่งออกติดลบ ดังนั้น ภาครัฐจะต้องประคับประคองและส่งเสริมการส่งออกให้สามารถส่งออกได้เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักหากส่งออกไม่ดีก็ลำบาก และต้องสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และภาคเกษตรที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 30-40% ยังอยู่ในภาคเกษตร ให้ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

“บีอีเอ็ม” ทุ่ม 3.1 หมื่นล้านแก้ข้อพิพาททางด่วน

นายวิทูรย์ หทัยรัตนา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสัมปทานทางด่วนระหว่างบีอีเอ็มกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า การแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าวด้วยการขยายระยะเวลาสัมปทาน 3 โครงการ 30 ปี จากเดิมขยาย 15 ปี ภายใต้เงื่อนไขโครงการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (double deck) จากด่านประชาชื่น-อโศก ระยะทาง 17 กิโลเมตร (ก.ม.) วงเงินลงทุน 31,000 ล้านบาท จะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ทั้ง กทพ.และรัฐที่ไม่ต้องจ่ายชดเชยให้บีอีเอ็ม รวมถึงประชาชนได้ประโยชน์จากการใช้บริการทางด่วนที่สะดวกมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเจอกับปัญหารถติดเหมือนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยข้อเสนอดังกล่าว บีอีเอ็มจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าไม่ต้องการเอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นเงื่อนไขอะไร แต่บีอีเอ็มเสนอเป็นโซลูชั่นที่ได้กันทุกฝ่าย ไม่ใช่ใครได้เปรียบ ประชาชนยิ่งดีเลย กรณีพิพาทที่ได้ข้อสรุปแล้ว และอีกหลายคดีรวมประมาณ 1 แสนล้านบาท ล้มล้างไปเลย ไม่ต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจ่ายบีอีเอ็ม เคลียร์ทุกอย่างหมด แถมยังได้ความสะดวกขึ้นด้วย

ชี้เป้าทำเลบ้านไม่เกิน 3 ล้าน

นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิตนั้นจากการสำรวจพบว่าที่อยู่อาศัยที่เหลือขายราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทั้งสิ้น 47,941 ยูนิต หรือคิดเป็น 32% ของที่อยู่อาศัยที่เสนอขายทั้งหมดที่มี 150,238 ยูนิต โดยส่วนใหญ่อยู่บริเวณกรุงเทพฯ ตอนเหนือ เช่น ปทุมธานี ลาดหลุมแก้ว และบริเวณกรุงเทพฯ ตะวันตก เช่น บางบัวทอง-ไทรน้อย ศาลายา-บางใหญ่-นนทบุรี

โซนชานเมืองที่มีรถไฟฟ้า เช่น บริเวณรถไฟฟ้าสายสีม่วง พัฒนาการ-รามคำแหง สาทร ตากสิน-ธนบุรีสะพานใหม่ และรังสิต