วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษ รายงานงานวิจัยล่าสุดทางการแพทย์ที่ออกมาเตือนว่า วิกฤตสภาพอากาศที่เกิดขึ้นหลายปี จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวของเด็ก โดยสังเกตจากภาวะโลกร้อนได้ส่งผลร้ายแล้ว ซึ่งเด็กเป็นกลุ่มประชากรที่อ่อนแอสุดและการเพิ่มของอุณหภูมิโลกส่งผลต่อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุโรคท้องร่วงเติบโต ขณะที่พื้นทางเกษตรกรลดลงจะนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการ

โดยงานวิจัยประจำปีของ แลนเซตท์ เคาท์ดาวน์ ด้านสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ติตามผลกระทบต่อสุขภาพจากวิกฤตความร้อนเพิ่มขึ้นทั่วโลก นอกจากเด็กแล้ว คนสูงวัยจะได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิและสมดุลของของเหลวในร่างกายได้

งานวิจัยพบว่า ประชากรอายุมากกว่า 65 ปี จำนวน 220 ล้านคน ได้รับผลจากคลื่นความร้อน โดยเฉพาะคนสูงวัยตามเมืองใหญ่และร้อนจัดจะตกอยู่ในเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ

นายฮิวท์ มอนโกเมอรี่ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยคอนเลจ ลอนดอนหรือยูซีแอล ในฐานะประธานร่วมของแลนเซตท์ เคาท์ดาวน์ กล่าวว่า ลูกหลานของเรารู้จักภาวะฉุกเฉินของสภาพภูมิอากาศและเรียกร้องให้ดำเนินการเพื่อปกป้องพวกเขา เราต้องฟังและตอบกลับ ปีนี้ผลกระทบเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ชัดเจนกว่าที่เคย อุณหภูมิสูงสุดที่บันทึกไว้ในยุโรปตะวันตกและไฟป่าในไซบีเรีย ควีนส์แลนด์และแคลิฟอร์เนีย เป็นสาเหตุของโรคหอบหืด ภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจและลมแดด

ด้านนิค วัตต์ ผู้อำนวยการของแลนเซตท์ เคาท์ดาวน์ กล่าวว่า ร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังคงพัฒนาอยู่ หากปล่อยให้พวกเขาได้รับอันตรายจากโรคและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ความเสียหายจะเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กและติดตัวไปตลอดชีวิต หากไร้การเร่งแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากทุกประเทศ ก็จะส่งผลต่อสุขภาพของคนทั้งรุ่น

นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ทารกจะได้รับผลกระทบจากภาวะทุพโภชนาการหนักที่สุด ขณะที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ศักยภาพในการออกผลิตผลธัญพืชได้ลดลงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สเตล่า ฮาร์ทิงเกอร์ นักวิจัยของแลนเซตท์กล่าวว่า เส้นทางที่โลกเลือกในวันนี้ จะกำหนดอนาคตถาวรให้กับลูกหลานของเรา เราต้องฟังคนหนุ่มสาวนับล้านที่เป็นผู้นำการประท้วงของโรงเรียนเพื่อเร่งลงมือแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด