‘ปิยบุตร-พรรณิการ์’ เยือน 3 จังหวัดใต้ จี้ ‘กอ.รมน.ภาค 4′ แจงกำลังพล-งบประมาณ-การเสียชีวิต’อับดุลเลาะ อีซอมูซอ’

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ทีมประชาสัมพันธ์พรรคอนาคตใหม่ รายงานว่า คณะกรรมาธิการ(กมธ.)กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน นำโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกมธ. พร้อมคณะ อาทิ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่และรองประธานกมธ. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกกมธ. ศึกษาดูงานและตรวจเยี่ยมการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และบางส่วนของจังหวัดสงขลา ในระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม โดยในช่วงเช้าของวันแรก ได้เข้าตรวจเยี่ยมห้องกักด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และร่วมแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรับฟังสภาพปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง ที่มีสถานะผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาและชาวอุยกูร์

นายปิยบุตร กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของ กมธ. นอกจากจะเดินทางมาเพื่อสอบถามข้อมูลแล้ว ก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการได้สะท้อนกลับมาด้วย ว่าเจ้าหน้าที่มีปัญหาในเรื่องงบประมาณ หรือกฎหมายข้อบังคับต่างๆ ที่ทำให้ทำงานไม่สะดวกหรือไม่ ด้วยระบบราชการภายในทำให้การเสนอเรื่องขึ้นไปอาจไม่สะดวกและล่าช้า สามารถฝากเรื่องผ่านมายังกมธ.กฎหมายฯนี้ได้ ซึ่งตนจะช่วยผลักดันในช่องทางต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา เสนอว่า การกักขังไว้ที่ศูนย์กักขังคนเข้าเมืองสะเดา อาจทำให้มีแรงจูงใจในการหลบหนีมากกว่ากักขังที่อื่น เพราะหากผู้ถูกกักขังสามารถหลบหนีได้จากศูนย์กักขังสะเดา จะดูกลมกลืนกับคนในพื้นที่ ทำให้ยากต่อการตามจับ แต่ถ้ากักขังไว้ที่อื่น หากผู้ถูกกักขังหลบหนีได้ จะดูแปลกตากับคนในพื้นที่นั้นทันที ทำให้ผู้ต้องกักจะไม่มีแรงจูงใจในการหลบหนี โดยในระหว่างที่กมธ.ได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องกัก ได้สอบถามข้อมูลจากผู้ถูกกัก โดยผู้อพยพชาวอุยกูร์รายหนึ่งเล่าว่าติดอยู่ในศูนย์กักขังนี้เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าโดนกักในคดีหรือข้อหาอะไร อีกทั้งยังขอว่าต้องการจะไปประเทศที่ 3 ซึ่งระบุว่าเป็นประเทศตุรกี หรือ มาเลเซียก็ได้ แต่จะไม่ยอมถูกส่งไปประเทศจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ในช่วงบ่าย กมธ.กฎหมายฯ เดินทางไปยังศูนย์ซักถามหน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนใต้ และกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อศึกษาดูงานและตรวจเยี่ยมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.กฤษดา พงษ์สามารถ รองแม่ทัพภาค 4 และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า ให้การต้อนรับ โดย กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงแนวทางการทำงานและเปิดโอกาสได้ซักถาม ซึ่ง น.ส.พรรณิการ์ ได้ซักถาม 4 ประเด็นที่เป็นที่ต้องสงสัย คือ 1.หลักการใช้กำลังและข้อสงสัยถึงมาตรการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ 2.จากร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณฯ ปี 2563 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพงานข่าวกรอง ซึ่งมีการจัดสรรงบส่วนนี้โดยตรง กว่า 900 ล้านบาทซึ่งมากกว่างบประมาณจังหวัดของ 3 จังหวัดชายแดนใต้รวมกัน จะใช้งบไปพัฒนาในส่วนใดบ้าง 3.กรณีนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ที่เสียชีวิตขณะถูกคุมตัวในศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธ เหตุใดจึงไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดก่อนหรือหลังเหตุการณ์ 4.สถิติการเสียชีวิตของประชาชน ขณะที่อยู่ในระหว่างควบคุมตัวที่ศูนย์มีจำนวนเท่าใด

ด้าน นายทหาร จาก กอ.รมน.ภาค 4 ได้ตอบข้อซักถามว่า 1.จากที่เห็นตามหน้าข่าวต่างๆ ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เห็นว่าขบวนรถของทหารมีจำนวนหลายคัน ใช้บุคลากรเกินกว่าเหตุหรือไม่ อยากชี้แจงว่าการทำงานจะแบ่งเป็นชุดๆ ทีมอีโอดีชุดหนึ่ง ชุดเคลียร์พื้นที่ ชุดพิสูจน์หลักฐาน ชุดสนับสนุน หากรวมทุกชุดจะดูว่ามีจำนวนมาก แต่การทำงานก็หน้าที่ใครหน้าที่มัน 2.งบเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานข่าวกรองนั้น เป็นงบของงานข่าวกรองทั่วประเทศ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าใช้เป็นโครงการนำร่องเพียงเท่านั้น 3.ขณะที่นายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ถูกควบคุมตัวนั้น อยู่ในศูนย์ซักถามแห่งใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน แต่งบการติดกล้องวงจรปิดนั้นอยู่คนละส่วนกัน ซึ่งขณะนั้นได้ติดตั้ง แต่มีปัญหาที่มุมกล้องเป็นมุมอับ ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและระบบไฟขัดข้อง 4.สถิติการเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ระหว่างถูกควบคุมในศูนย์ซักถาม นับตั้งแต่ปี 2547 – ปัจจุบัน มีจำนวน 5 ราย เสียชีวิตในศูนย์ 2 ราย และเสียชีวิตนอกศูนย์ 3 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นของการเดินทางมาเยือนชายแดนใต้วันแรก กมธ.กฎหมายฯ จัดกิจกรรม “กมธ.กฎหมายฯ พบประชาชน” ครั้งที่ 1 เวลา 19.00-21.00 น. ที่ห้องประชุมอิหม่ามอัล-นาวาวีย์ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี จ.ปัตตานี