ผู้ค้ายาเส้นเพชรบูรณ์เตรียมบุกสภาฯ ร้องปลดล็อกจำกัดปริมาณยาเส้น

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานกรณึม๊อบยาเส้นเพชรบูรณ์ ยื่นข้อเรียกร้องเรื่องถึงภาษียาเส้นซึ่งมีการจัดเก็บในอัตราใหม่ 0.025บาทต่อกรัม โดยกล่มเกษตรกรและกลุ่มผู้ค้ายาเส้นต้องการให้จัดเก็บตั้งแต่กิโลกรัมแรกไปตลอด โดยให้ปลดล็อคไม่ต้องจำกัดปริมาณการผลิตและจำหน่ายแค่ 12000 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งหลังจากยังไม่ได้รับคำตอบจากรมว.คลังในการนำเข้า ครม.เพื่อแก้ไข ทางม็อบยาเส้นนัดเดินทางไปชุมนุมเรียกร้องที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 17 ตุลาคม พร้อมจะขอเข้าพบและยื่นหนังสือต่อนายรัฐมนตรี

ล่าสุด กรมสรรพสามิต ได้มีประกาศเรื่องขยายกำหนดเวลาการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งเนื้อหาอ้างถึงเหตุจำเป็นเป็นการทั่วไปที่สมควรขยายเวลาการปฏิบัติตาม มาตรา 118 แห่งพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ. ศ. 2560 ให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบประเภทยาเส้นที่ได้รับใบอนุญาตผลิตยาเส้น ที่เพาะปลูกต้นยาสูบทำจากใบยาสูบที่ปลูกและหั่นเอง เพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบซึ่งเสียภาษีในอัตราศูนย์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพ.ร.บภาษีสรรพสามิตฯ และข้อ 4 ของประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนหรือขยายกำหนดเวลาตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ 2560 โดยอธิบดีกรมสรรพสามิต จึงออกประกาศ

โดยให้ขยายกำหนดเวลาในการทำบัญชีและงบเดือนและการยื่นงบเดือนตามมาตรา 118 แห่งพ.ร.บภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบประเภทยาเส้นที่ได้รับใบอนุญาตผลิตยาเส้นที่ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบทำจากใบยาสูบที่ปลูกและหั่นเองเพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบซึ่งเสียภาษีในอัตราศูนย์ ทั้งนี้จนกว่าจะมีการกำหนดอัตราภาษี เป็นอัตราอื่นที่มิใช่ศูนย์ โดยมีนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นผู้ลงนาม

ด้านนายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ ในฐานะตัวแทนกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มผู้ค้ายาเส้นเพชรบูรณ์ กล่าวว่าสาระสำคัญในการเรียกร้องครั้งนี้ โดยเฉพาะการที่ได้คุยและทำข้อตกลงที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดฯเป็นประธานในที่ประชุมโดยข้อตกลงของผู้ประกอบการกับรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ให้เก็บภาษีในอัตรา 0.025 บาทต่อกรัมหรือถุงละ 250 บาท (10 กก.) โดยไม่จำกัดจำนวนตั้งแต่กิโลแรกจนถึงกิโลสุดท้าย และหากจะมีการปรับภาษีให้แจ้งล่วงหน้า 1 ปี ซึ่งปรากฏว่าไม่ได้มีเสียงตอบรับหรือมีการแก้ปัญหาจากกระทรวงการคลังแต่อย่างใด

นายยุพราชกล่าวว่า ส่วนเรื่องการขยายการทำบัญชี ให้แก่เกษตรกรตามประกาศนี้มีตั้งแต่ปี 2560 ทางเกษตรกรเองก็ไม่ได้ทำอยู่แล้วเพราะ ทำไม่ได้เนื่องจากขั้นตอนยุ่งยาก บังคับให้ทำอย่างจริงจัง แต่เกษตรกรก็ยืนยันว่า เป็นอุปสรรคและทำยาก ส่วน ข้อหลักๆที่ร้องขอไปคือทำให้เกษตรกรได้ปลูกและขายได้ ซึ่งทางกระทรวงการคลังยังไม่มี การตอบกลับและแก้ไขให้ ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ทางกบุ่ทเกษตรกรและกลุ่มผู้ค้ายาเส้นยังยืนยันจะไปชุมนุมหน้ารัฐสภาและขอพบนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง โดยวันนี้ทางเกษตรกรและผู้ค้าบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางเข้า กทม.แลัว

นายยุพราช กล่าวว่า เวลานี้ทางกรมสรรพสามิตต้องการจะแยกเกษตรกรออกจากกลุ่มผู้ค้ายาเส้น โดยพยายามอ้างหรือโต้แย้งว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเกษตรกรและไม่ได้เสียภาษี ส่วนผู้ที่เสียภาษีคือผู้ประกอบการค้ายาเส้น แต่เรากำลังเชื่อมให้เห็นว่าผลกระทบจากการขึ้นภาษี 2000% ทำให้ส่งผลกระทบโดยทันที ทั้งในสต๊อกของผู้ประกอบการและยังสะท้อนไปถึงเรื่องผลผลิตในฤดูกาลหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ขอให้ทางสรรพสามิตอำเภอหล่มสักเชิญผู้ประกอบการค้ายาเส้นมาพูดคุย กระทั่งได้ข้อสรุปว่า หากมีการจัดเก็บภาษีอัตรา 0.025 บาทต่อกรัมและจำกัดให้เสียภาษีในอัตรานี้ในจำนวน 12000 กิโลกรัม เขาจะรับซื้อยาเส้นจากเกษตรกรได้แค่เพียงครึ่งเดียวของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด

“ฉะนั้นจึงกลับมาที่เรียกร้องของทางเกษตรกร ที่แจ้งให้ทางกรมสรรพสามิตช่วยหาผู้ค้ามาช่วยรับซื้อในราคาที่เป็นธรรมและให้รับซื้อผลผลิตทั้งหมด จึงอยากสอบถามไปถึงท่านนายกรัฐมนตรี และทางกระทรวงการคลังว่า ทำไมถึงต้องมาทำร้ายอาชีพพี่น้องเกษตรกรเรา”นายยุพราชกล่าว