เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายชินวรณ์ บุญยเกียติ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การประชุมวิปรัฐบาลในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา เกียกกาย จะมีการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่จะประชุมต่อจากเมื่อวันวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แล้วมีปัญหาในเรื่องการลงมติในข้อบังคับข้อที่ 9 (1) เกี่ยวกับการทำหน้าที่และอำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรื่องนี้ต้องหารือกันในวิปรัฐบาล เพราะเป็นประเด็นที่มีการลงมติกันต้องใช้เสียงในสภาฯ แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแพ้ ชนะอะไร เพราะเป็นเรื่องของกรรมาธิการเสียงข้างน้อย แต่มีประเด็นที่คิดว่าเราจะตองหารือถึงความชัดเจนเรื่องการสื่อสารในกรรมาธิการฯ ตลอดจนเรื่องการมีความคิดเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ คือพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนในรายละเอียดของกฎหมายหรือญัตติ ว่าจะมีความเห็นไปในแนวทางใด

นายชินวรณ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ผ่านมาเป็นกรณีที่คณะกรรมาธิการฯ ไปยอมรับความเห็นขอฝ่ายค้าน ที่ขอเพิ่มเติมข้อความเรื่องวางตนเป็นกลางของประธานสภาฯ เป็นการเพิ่มเติมที่ไม่สอดคล้องกับข้อบังคับที่มีมา และเรื่องการวางตนเป็นกลางมีอยู่ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งประเด็นนี้ก็มีเหตุผลที่ควรยิบมาพูดกันในที่ประชุมวิป เพราะหากเราไม่มีการลงไปรายละเอียด ก็อาจจกระทบต่อการลงคะแนนในกฎหมายสำคัญๆ ได้ ดังนั้นวิปก็ต้องพูดคุยกันว่าเวลากฎหมายการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ทางคณะกรรมาธิการก็ต้องปรึกษากันให้ตกผลึก ไม่ใช่ปล่อยปัญหาให้มีการสงวนความเห็น ก็จะเป็นปัญหากลับมาสู่ที่ประชุมสภาฯ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการทำงานของวิปรัฐบาลยังไม่ได้ลงไปรายละเอียด และต้องเข้าใจฝ่ายค้านด้วยว่ามีหน้าที่ตรวจสอบ แต่เชื่อว่าการควบคุมเสียงของรัฐบามาน่ามีปัญหา ส่วนปัญหาพรรคเล็กก็ต้องเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นผู้ประสาน

“ฝ่ายค้านได้เตรียมเอาประเด็นนี้ขึ้นมาข้อแก้ไขเพิ่มเติมไม่ใช่เพียงเพื่อหวังผลในข้อบังคับ แต่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในการวางตัวไม่เป็นกลาง ซึ่งก็เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่านายชวนอยู่ในข้อบังคับ ถ้าสิ่งที่ข้อแก้ไปอยู่ในข้อบังคับก็จะกลายเป็นหลุมดำในข้อบังคับ ต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งที่นายชวนก็แนวทางเดิม ตอนเป็นนายกฯความเป็นกลางก็ชัดเจน ตอนเป็นประธานสภาฯก็ไม่ต้องพูดถึง ฝ่ายค้านอาจมีความเคียดแค้น เพราะนายชวนมีเสียงชื่นชมตลอด”นายชิรวรณ์ กล่าว

นายชินวรณ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าจะดำเนินการอย่างไร ต้องใช้เสียงทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ที่มีจำนวนที่มากพอที่จะแก้ไขได้ ดังนั้นการที่เราจะแก้ไขได้จะต้องแสวงหาประเด็นร่วมกันของทุกฝ่ายก่อน ว่าเราจะแก้ไขในประเด็นที่ทำได้ และรัฐบาลก็ต้องทำตามนโยบายเรื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องแสวงหาความร่วมมือเห็นชอบ ส่วนการเสนอให้มี สสร. ขึ้นมา ก็เป็นความคิดเดิมของฝ่ายค้านที่หาเสียงไว้ ว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งก็เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน

“แต่กระบวนการแก้ไขเราต้องดูว่าควรแก้ไขในประเด็นใด เพื่อเปิดประตูประชาธิปไตย เราควรแก้ไขในประเด็นที่สะเดาะกลอนประตู เพื่อให้แก้ไขได้ง่าย” นายชิณวรณ์ กล่าว