สศค.เอาแน่ใช้เกณฑ์รายได้ครัวเรือนสแกนคนจน มั่นใจตัวเลขลดลงจาก 14.5 ล้านคน

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า ในเรื่องบัตรสวัสดิการประชารัฐเสนอไปยังรัฐบาลใหม่นั้น กระทรวงการคลังเสนอให้ลงทะเบียนใหม่ ให้นำรายได้และทรัพย์สินของครอบครัว เข้ามาเป็นอยู่ในเกณฑ์ตรวจสอบคุณสมบัติ  จากเดิมรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปีมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 1 แสนบาท มีบ้านขนาดบ้านไม่เกิน 25 ตรว. และคอนโดขนาดไม่เกิน 35 ตรม. มีที่ดินเพื่ออยู่อาศัยเองไม่เกิน 1 ไร่ ส่วนที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่ ถ้านำรายได้ครอบครัวมาใช้จะดูว่ามีสมาชิกกี่ราย เช่น มีสมาชิก 4 ราย คนหารายได้เพียง 1 คน คือพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว ดังนั้นรายได้ครอบครัวอาจกำหนดไว้ที่ 4 แสนบาทต่อปี เพื่อให้ครอบคลุมสมาชิกในครอบครัวทุกคน

“หลักเกณฑ์ต่างๆ ในการลงทะเบียนและการตรวจสอบในรอบใหม่ ต้องเข้มงวดมากขึ้น นอกจากรายได้ครอบครัวแล้ว จะนำเกณฑ์ถือครองทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถ นอกเหนือจากการถือครองที่ดิน บ้าน มาประเมินด้วย เพื่อให้การลงทะเบียนใหม่ตรวจสอบคนจนให้ตรงจุดมากที่สุด และตั้งคณะกรรมการระดับท้องถิ่นมาช่วยกระทรวงการคลังตรวจสอบด้วย เพราะต้องการให้การลงทะเบียนรอบใหม่แก้ปัญหาการลงทะเบียนในรอบที่ผ่านมา มีกลุ่มคนอยู่ในครอบครัวฐานะดี แต่มารับบัตรสวัสดิการ คนเหล่านั้นต้องถูกกันออกไป”นายลวรณกล่าว

นายลวรณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการระดับท้องที่ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ถือบัตร และผู้สมควรได้รับบัตรใหม่ ในเบื้องต้นประเมินว่าผู้ถือบัตรสวัสดิการ 14.5 ล้านคนในขณะนี้ต้องลดลง เป้าหมายความสำเร็จของโครงการตัวเลขคนจนต้องลดลง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังมีโครงการในการพัฒนาอาชีพ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าการพัฒนาอาชีพทำให้ผู้ถือบัตรมีรายได้เกินกว่า 1 แสนบาทต่อปีไม่น้อยกว่า 1 แสนคน

นายลวรณกล่าวว่า ส่วนกลุ่มที่ตกหล่นยังไม่ได้รับบัตร คาดว่าจะมีไม่มากไม่น่าจะถึง 1 ล้านคน เพราะที่ผ่านมากระทรวงการคลังให้ลงทะเบียนคนจนมาแล้วถึง 3 รอบ น่าจะครอบคลุมคนจนกว่า 99% แล้ว ดังนั้นคนที่จนและยังไม่มาขึ้นทะเบียนไม่น่าจะเหลือมาก ซึ่ง สศค.กำลังเสนอแนวทางการลงทะเบียนรอบใหม่ไปยังรัฐบาล รวมถึงสวัสดิการใหม่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563

“ขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ว่าจะเหลือคนจนเท่าไหร่ เพราะต้องดูเกณฑ์ว่าจะใช้อย่างไร ขณะนี้ยังไม่นิ่ง รวมถึงเป้าหมายของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือการช่วยเหลือและพัฒนาให้คนจนมีรายได้มากขึ้น สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง กระทรวงการคลังไม่ต้องการให้ตัวเลขคนจนเพิ่มขึ้น และไม่ต้องการให้คนเหล่านี้มารอรับแค่การช่วยเหลือจากรัฐเท่านั้น”นายลวรณ กล่าว