เมื่อวานนี้ (17 กรกฎาคม 2562) สำนักข่าว เอพี รายงานผลการพิจารณาคดี วาคีน เอลชาโป กุซแมน อายุ 62 ปี เจ้าพ่อค้ายาเสพติดชื่อก้องโลกที่เคยแหกคุกสะท้านโลกที่เม็กซิโก ก่อนถูกจับและส่งตัวมายังศาลสหรัฐอเมริกา ว่า ศาลกลางสหรัฐในเขตตะวันออกของนครนิวยอร์ก ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเอลชาโป และยังสั่งปรับอีก 12,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 390,000 ล้านบาท พร้อมกับมีโทษจำคุกแถมมาอีก 30 ปี ฐานลักลอบขนส่งยาเสพติด

ระหว่างฟังล่ามแปลคำพิพากษาดังกล่าวว่าต้องรับโทษจากการค้ายาเสพติดมูลค่ามหาศาล อีกทั้งทำให้เกิดการฆาตกรรมอย่างกว้างขวางมานานสองทศวรรษ นายกุซแมนปไม่ได้แสดงอารมณ์ผิดหวังเสียใจ ในห้องพิจารณาคดี มุ่งแต่ตำหนิผู้พิพากษาที่ไม่ยอมมีคำสั่งให้ไต่สวนใหม่ ในข้อกล่าวหาคณะลูกขุนประพฤติตนไม่เหมาะสม

 “คดีของผมเป็นรอยด่าง และท่านก็ไม่ยอมให้ผมได้รับการพิจารณาอย่างยุติธรรม ทั้งที่ทั้งโลกนี้จับตาอยู่” นายกุซแมนกล่าวผ่านล่าม พร้อมระบุถึงชะตากรรมที่ตนจะได้รับว่า ไม่ยุติธรรม

“ถ้ารัฐบาลส่งผลไปยังคุกที่ชื่อของผมจะไม่เป็นที่พูดถึงอีก ผมขอถือโอกาสนี้พูดว่า มันไม่มีความยุติธรรมอยู่ที่นี่” เจ้าพ่อค้ายากล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่า นายกุซแในจะถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำซูเปอร์แม็กซ์ในเมืองฟลอเรนซ์ รัฐโคโลราโด ที่ผู้ต้องขังต้องอยู่ลำพังวันละ 23 ชั่วโมง และแทบมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์เพียงน้อยนิด

การพิจารณาคดีในวันตัดสินดังกล่าว ยังมีเหยื่อคนหนึ่งของนายกุซแมน ชื่อ แอนเดรีย เบเลซ เฟร์นันเดซ หญิงที่เคยทำงานให้นายกุซแมน แต่ต่อมาถูกตราหน้าเป็นศัตรู กล่าวว่า นายกุซแมนเคยตั้งค่าหัวล่าชีวิตตนถึง 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 31 ล้านบาท แต่ตนโชคดีที่หนีมาได้ และได้รับความช่วยเหลือจากเอฟบีไอ

ด้านอัยการ ริชาร์ด โดน็อกฮิว ให้สัมภาษณ์นอกศาลว่า “กุซแมนจะไม่มีทางหลุดรอดออกจากเรือนจำในพรมแดนของเรา”