เปิดคำพิพากษา ‘คดีล็อตเตอรี่ 30 ล้าน’ ครูปรีชา-หมวดจรูญ ใครจริง-ใครเท็จ

เปิดคำพิพากษาศาล คดีหวยอลเวง30ล้าน ยกฟ้อง‘จรูญ’ยักยอก ครูปรีชาลุยสู้อุทธรณ์ : แฟ้มคดี – ได้ข้อสรุปกันในระดับหนึ่งแล้ว สำหรับกรณีหวย 30 ล้าน ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างครูปรีชา และหมวดจรูญ จนกลายเป็นที่ติดตามของคนทั่วประเทศ

โดยคดีความดังกล่าว เริ่มต้นที่ครูปรีชาที่อ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะเป็นผู้จ่ายเงินซื้อจากแม่ค้า

แต่ต่อมาทำหล่นหายที่ตลาดที่แวะซื้อ แล้วหมวดจรูญก็มาเก็บสลากดังกล่าว เมื่อปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 จึงนำไปขึ้นเงิน

จึงถือว่ามีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวครูปรีชาเป็นผู้ยื่นฟ้องศาลจ.กาญจนบุรี

ต่อเนื่องกับคดีแพ่งฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ที่เชื่อมโยงกัน

ขณะที่กองปราบปราม ที่ได้รับแจ้งความจากหมวดจรูญแล้วดำเนินการสืบสวนจนยื่นอัยการฟ้องครูปรีชาในข้อหาแจ้งความเท็จ

เรียกว่ามีคดีความพัลวันกันอีนุงตุงนังกันทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตามที่สงสัยกันมาตลอดว่าตกลงสลากดังกล่าวเป็นของใครก็เริ่มชัดเจน

เมื่อศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในคดียักยอก

ก็สะท้อนให้เห็นอีกมุมว่าสลากดังกล่าวเป็นของหมวดจรูญนั่นเอง

เปิดคำพิพากษาคดีหวย 30 ล.
บ่ายวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าทั้งประเทศต่างใจจดจ่ออยู่กับคำพิพากษาของศาลอาญา โดยศาลจังหวัดกาญจนบุรีอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1863/2561 คดีหมายเลขแดงที่ 1416/2562 ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องร.ต.ท.จรูญ วิมูล

โดยระบุในคำฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 31 ต.ค. 2560-3 พ.ย. 2560 วันและเวลาไม่ปรากฏชัด จำเลยโดยเจตนาทุจริต เก็บเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดที่ 41 ประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 ชุดที่ 04, 07, 14, 15, 22 หมายเลข 533726 จำนวน 5 ฉบับ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ที่ซื้อมาจากน.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น ที่ตลาดเรดซิตี้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2560 รวม 4 ชุด ในราคา 2,200 บาท

หลังจากรับสลากกินแบ่งจากน.ส.รัตนาพร โจทก์นำมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วเดินซื้อของในตลาด เมื่อกลับถึงบ้าน โจทก์พบว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล เลข 533726 รวม 5 ฉบับหายไป ต่อมาผลการออกรางวัลเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2560 ปรากฏว่ารางวัลที่ 1 คือ 533726

ทั้งนี้ในระหว่างวันเวลาที่จำเลยเก็บสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ไปไว้ในครอบครอง จำเลยเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้ง 5 ฉบับ ซึ่งมีมูลค่าเงินรางวัล 30 ล้านบาท ไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต

เหตุเกิดที่ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และ 357

ศาลไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่าคดีมูล ให้ประทับรับฟ้อง ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่

คดีนี้โจทก์ขอให้ลงโทษในข้อหายักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งโจทก์ทำหาย หรือรับสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์สิน จึงต้องวินิจฉัยก่อนว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นทรัพย์สินของโจทก์ที่ทำหาย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกสำหรับความผิดตามฟ้องหรือไม่

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาทั้งหมดแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานที่นำสืบเกี่ยวกับการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ดังกล่าว คงมีเพียงพยานบุคคลที่อ้างว่าเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อขายเท่านั้น

แต่ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนคำเบิกความของพยานบุคคล อีกทั้งคำเบิกความของพยานบุคคลดังกล่าวก็มีข้อพิรุธ และขัดแย้งกันเองหลายประการ ทั้งเรื่องความสามารถของพยานแต่ละคนในการจดจำเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล การโทรศัพท์ติดต่อนัดหมายไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลระหว่างโจทก์กับน.ส.รัตนาพร

การแจ้งความ หลังทราบผลการออกรางวัลและที่สำคัญ คำเบิกความของพยานบุคคลที่โจทก์นำสืบ ล้วนขัดแย้งกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และพื้นที่การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโจทก์ในวันที่ 31 ต.ค. 2560

จรูญเฮ-ชี้ไม่ใช่ของครูปรีชา
เมื่อพิจารณาประกอบกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จำเลยนำสืบหักล้างแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจาก น.ส.รัตนาพร ที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. 2560 โดยไม่ได้เดินทางไปที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันที่ 31 ต.ค. 2560

แต่โจทก์กลับใช้วิธีนำสืบโดยหยิบยกเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. 2560 มากล่าวอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. 2560

เมื่อปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ยังวางขายอยู่บนแผงของน.ส.พัชริดา ในวันที่ 30 ต.ค. 2560 ในขณะที่โจทก์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล จากน.ส.รัตนาพร ในวันที่ 27 ต.ค. 2560 แสดงว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่โจทก์ซื้อไป ไม่ใช่สลากชุดที่ถูกรางวัลที่ 1

แต่เมื่อทราบผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 น.ส.รัตนาพร เห็นภาพถ่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลบนแผงขายของน.ส. พัชริดา ที่ถ่ายรูปไว้เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2560 ปรากฏภาพสลากเลขที่ 533726 อยู่บนแผง น.ส.รัตนาพร จึงคิดว่าตนซื้อสลากชุด ดังกล่าวไปจากน.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช แล้วนำไปขายต่อให้โจทก์

น.ส.รัตนาพรจึงไปบอกโจทก์ว่าถูกรางวัลที่ 1 โดยในครั้งแรกโจทก์ก็ยืนยันว่าสลากฯที่มีเลข 3 ตัวหน้าไม่ตรงกับรางวัลที่ 1 แต่เมื่อน.ส.รัตนาพรพูดย้ำหลายครั้งว่าโจทก์ถูกรางวัลที่ 1 ทำให้โจทก์เริ่มลังเล จนในที่สุดก็เข้าใจว่าซื้อสลากฯชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 จริงตามที่น.ส.รัตนาพรบอก

แม้ว่าขณะนั้นโจทก์จะไม่มีสลากกินแบ่ง ชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ไว้ในครอบครอง จนกลายเป็นที่มาของการไปแจ้งความว่าโจทก์ทำสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่ 1 ตกหาย ทั้งที่จริงแล้วโจทก์ไม่ได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวมาตั้งแต่แรก

เมื่อคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความว่า มีการกระทำความผิดตามฟ้องเกิดขึ้นจริง แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบล้วนแต่มีข้อพิรุธน่าสงสัย และขัดแย้งกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในหลายประการ ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อสลากที่ถูกรางวัลที่ 1 มาจากน.ส.รัตนาพร สลากที่จำเลยนำไปขอรับเงินรางวัล ไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

พิพากษายกฟ้อง

ย้อน 3 คดีเตรียมส่งอัยการ
ขณะที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายกล่าวว่า คำพิพากษามีความชัดเจน ยืนยันว่าสลากดังกล่าวไม่ใช่ของนายปรีชา นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าศาลรับฟังพยานหลักฐานที่มาจากคลิปเสียงที่บันทึกจากโทรศัพท์มาพิจารณาด้วย จากนี้จะยื่นขอศาลถอนอายัดสลากกินแบ่งของร.ต.ท.จรูญ ที่ถูกรางวัลที่ 1

ด้านนายปรีชาระบุภายหลังรับฟังคำพิพากษาว่า เคารพในคำตัดสินของศาลเสมอ และรู้สึกสบายใจในคำตัดสิน และไม่ขอพูดอะไรต่อ และยืนยันว่าจะขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย เรื่องพยานหลักฐานยังไม่ขอให้ความเห็น ขอปรึกษากับทีมทนายต่อ แต่ขอยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป

ส่วนที่หลายคนมองว่าตนเป็นคนโกหกหลอกลวงนั้น ตนไม่ได้สนใจ ก่อนหน้านี้หลายคนก็มองว่าตนเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วความจริงคือความจริง ตนยืนยันว่าตนได้ไปซื้อหวยในวันที่ 30 ต.ค. 2560 จริงๆ

นายปรีชายังระบุอีกว่า ต้องขอเวลาตั้งสติก่อน เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้อง ก็ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม และมีเวลาเพียง 30 วันในการยื่นอุทธรณ์

ด้านพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ระบุว่า คดีหวย 30 ล้าน มีทั้งหมด 3 คดี ประกอบด้วย คดีแรก เป็นคดีที่ร.ต.ท.จรูญกล่าวหา นายปรีชา และนางรัตนาพร หรือเจ๊บ้าบิ่น ในข้อหาแจ้งความเท็จ และกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา

สำนวนคดีที่สองเป็นการดำเนินคดีกับนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน อายุ 46 ปี พนักงานขับรถของธนาคารแห่งหนึ่ง พยานฝั่งนายปรีชา ในข้อหาให้การเท็จ

คดีที่สาม คือการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี ในขณะนั้น ในความผิดปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับการสอบสวนทั้ง 3 คดี ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวน บก.ป. ดำเนินการจนเสร็จสิ้น โดยส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ต่อมาทางคณะทำงานของอัยการมีความเห็นให้คืนสำนวนคดีกลับมาให้พนักงานสอบสวนกองปราบฯ อีกครั้ง เพื่อให้ส่งสำนวนให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิด เพื่อส่งให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาแทน

เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายปรีชา และนางรัตนาพร เป็นความผิดต่อเนื่องกันกับคดีของ พล.ต.ต.สุทธิ เช่นเดียวกัน

ต่อมา ป.ป.ช.มีมติให้ใช้อำนาจตามมาตรา 89/2 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 ส่งสำนวนคดีดังกล่าว คืนให้กับกองปราบฯดำเนินการต่อ เตรียมส่งให้อัยการสั่งฟ้อง อีกครั้ง

เป็นความคืบหน้าของหวย 30 ล้านที่ใกล้ถึงบท สรุป