“บาท” อ่อนกังวลเทรดวอร์มะกัน-จีน | ลดค่าโอนบ้านต่ำล้านกระตุ้นได้น้อย | หอค้าชี้พิษเทรดวอร์พ่นส่งออกโต 0.5-1%

แฟ้มข่าว

หอค้าชี้พิษเทรดวอร์พ่นส่งออกโต 0.5-1%

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลกระทบของสงครามการค้า (เทรดวอร์) ระหว่างสหรัฐและจีน จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกปี 2562 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.3-3.5% เหลือไม่ถึง 3% โดยสินค้าไทยจะได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบในทั้งสองตลาด นอกจากนี้ การเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) เวียดนาม-ยุโรป มีผลบังคับใช้ไตรมาส 3 ปีนี้ จะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยุโรปในช่วงปี 2562-2564 ทำให้การส่งออกลดลงเฉลี่ยปีละ 0.8% เมื่อรวม 2 ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะทำให้การส่งออกของไทยปีนี้มีอัตราเติบโตเพียง 0.5-1% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2559 และหากสหรัฐเก็บภาษีจีนเพิ่มอีก 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนเพิ่มภาษีนำเข้า อาจทำให้การส่งออกไทยปีนี้ทั้งปีโตต่ำกว่า 0.5% หรือไม่ขยายตัวเลย จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2-4.6%

กฟผ.เล็งลุย “ไอ-อีวี” ไม่เกิน 5 แสน/คัน

น.ส.จิราพร ศิริคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวในงานอีแกท อินโนเวชั่น โชว์เคส 2019 ว่า กฟผ.เตรียมต่อยอดโครงการวิจัยพัฒนาชุดประกอบรถไฟฟ้าดัดแปลง (ไอ-อีวี) และคู่มือรถไฟฟ้าดัดแปลงไปสู่เชิงพาณิชย์ นำเทคโนโลยีที่วิจัย พร้อมคู่มือ (พิมพ์เขียว) ให้อู่รถยนต์ที่สนใจยื่นเสนอการติดตั้ง โดยต้นปี 2563 นำร่อง 3 แห่ง เบื้องต้นคาดว่าราคาติดตั้งเครื่องยนต์ระบบไฟฟ้าใหม่ประมาณ 2 แสนบาทต่อคัน และติดตั้งแบตเตอรี่ราคาประมาณ 3 แสนบาท และอนาคตราคาจะถูกลงอีก รวมทั้งหมดไม่เกิน 5 แสนบาท ถือว่าถูกกว่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่ราคาคันละ 3 ล้านบาท และอนาคตแบตเตอรี่จะถูกลง

ธปท.เปิดคลินิกแก้หนี้เฟส 2

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยยังอยู่ระดับสูง และใกล้เคียงระดับ 80% ของอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย จำนวนนี้ไม่รวมหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หนี้นอกระบบ เป็นต้น ซึ่งหนี้ครัวเรือนของไทยถือว่าสูงสุดหากเทียบกับประเทศพัฒนาในระดับเดียวกัน ซึ่ง ธปท.ได้ดำเนินโครงการคลินิกแก้หนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ โดยมีบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ บสส. (SAM) เป็นผู้ดำเนินการสำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระ 90 วันขึ้นไป (หนี้เสีย) ของธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่ 2 แห่ง ล่าสุดได้ขยายแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 เพื่อให้ บสส.สามารถรับบริหารหนี้จากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) ได้ จึงขยายโครงการคลินิกแก้หนี้ ระยะที่ 2 ทำให้ผู้ที่มีหนี้เสียของนอนแบงก์สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยมีนอนแบงก์ 19 แห่ง อาทิ เฟิร์สช้อยส์ในเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ บัตรกรุงไทยหรือเคทีซี พรอมมิส เมืองไทยแคปปิตอล ยูเมะพลัสอิออน เงินกู้สมใจ เป็นต้น เข้าร่วมโครงการ ทำให้เมื่อรวมกับธนาคารพาณิชย์ 16 แห่งที่ร่วมโครงการอยู่แล้ว จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 35 แห่งทำให้โครงการคลินิกแก้หนี้ครอบคลุมสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเกือบทั้งระบบ เปิดให้สมัครตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป

ลดค่าโอนบ้านต่ำล้านกระตุ้นได้น้อย

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ของที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านแถว สำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ราคาซื้อขายไม่เกิน 1 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี นับแต่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 นั้น จะส่งผลดีเพราะเป็นการลดภาระและเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ให้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้น และสนับสนุนให้ผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนักได้ง่ายขึ้น

“DITP” หนุนสูงวัยขายออนไลน์ทั่วโลก

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า สถาบันเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ คือโครงการ 60+ ค้าออนไลน์ ขายทั่วโลก เพื่อเตรียมความพร้อมการก้าวเข้าสู่ประเทศสังคมผู้สูงอายุ โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้ผู้สูงอายุที่ปัจจุบันเป็นกลุ่มที่สนใจเรื่องเทคโนโลยีเช่นเดียวกับกลุ่มวัยหนุ่มสาว สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเปิดรับสมัครแล้วจนถึงวันที่ 21 มิถุนายนนี้ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปที่ทำธุรกิจอยู่แล้วในรูปนิติบุคคล

“ธ.ก.ส” ชง รบ.ใหม่หนุนพืชเกษตรหลัก

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.เตรียมแนวทางเพิ่มขีดความสามารถเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในพืชเกษตรหลัก เช่น ข้าว อ้อย มัน และข้าวโพด เสนอต่อรัฐบาลใหม่ โดยธนาคารมีสินเชื่อฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือสหกรณ์ดอกเบี้ย MLR-2 หรือประมาณ 3% ต่อปี ส่วนกลุ่มลูกค้าทั่วไป คิด MRR-2 หรือประมาณ 5% ต่อปี รวมถึงจะเข้าไปดูเป็นรายบุคคลถึงความสามารถที่จะสร้างรายได้ โดยเฉพาะในกลุ่มพักหนี้ 2.92 ล้านราย

“บาท” อ่อนกังวลเทรดวอร์มะกัน-จีน

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เปิดที่ระดับ 31.61 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 31.59 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยสัปดาห์นี้ต้องจับตาสหรัฐจะมีคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และคาดว่าเฟดจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้า (เทรดวอร์) และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงทิศทางของดอกเบี้ย

ขณะที่ฝั่งเอเชีย ต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนด้วย