‘ฟังผมชัดๆนะครับ’ มิ่งขวัญ ยันลั่น ไม่ร่วมพลังประชารัฐ แจงถูกสมาชิก ยื่นยุบพรรค!

มิ่งขวัญ ควง กก.บห. แจงปมลูกพรรคยื่นยุบเศรษฐกิจใหม่ไร้มูล ประกาศจุดยืนชัด ร่วมพรรคเพือไทย ฝ่ายประชาธิปไตย-ไม่เอาพลังประชารัฐ แจงถูกสมาชิก ยื่นยุบพรรค!

จากรณีที่ ผู้สมัคร ส.ส.แบแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคเศรษฐกิจใหม่ 3 ราย เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. ขอให้ยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ และระงับการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยอ้างว่า ถูกครอบงำจากบุคคลภายนอกที่สั่งการชี้นำ ไม่ให้พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมได้โดยอิสระ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ทำการพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่1 นายภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรค นายอภิวัฒน์ อากาศฤกษ์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค นายประพันธ์ เอี่ยมศิริ โฆษกพรรค และนายบุญเลิศ เหลียงกอบกิจ กรรมการบริหารอื่นของพรรค

ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว โดยนายมิ่งขวัญ กล่าวว่า สถานะตนเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก่อนหน้านี้ นายสุภดิช เป็นผู้ก่อตั้งพรรค กับญาติสนิทมิตรสหาย นายสุภดิชเป็นหัวหน้าพรรคคนแรกของพรรคนี้ แล้วเชิญตนมาสมัครสมาชิก ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวตนจะไปอยู่พรรคหนึ่ง ตนก็ไม่ได้ไปอยู่ แต่มาอยู่เศรษกิจใหม่ เพราะ1.ให้อิสระในการเขียนนโยบาย 2.จะเสนอให้เป็นนายกฯ และ3.เสนอให้เป็นหัวหน้าพรรค

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ส่วนการบริหารภายในพรรคตนแบ่งเป็น 2 ปีก คือ ปีกการร่างนโยบายระบบเศรษฐกิจใหม่ การพูดกับสาธารณชน โดยตนรับผิดชอบฝั่งนี้ ส่วนปีกการคัดเลือกผู้สมัครฯ สมัครสมาชิกพรรคก็มอบให้นายสุภดิชเป็นคนทำ ซึ่งชื่อเสียงนามสกุลของท่านพิสูจน์ได้ว่าเป็นคนดีหรือไม่ สรุปคือ ตนเขียนนโยบาย ออกดีเบต ทำคลิปให้สัมภาษณ์หาเสียงภาพรวม เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจึงพูดคุยกับนายสุภดิช ที่จริงจะอยู่เฉยๆก็ได้ แต่จำเป็นต้องพูด แม้จะได้เพียง 6 เสียง แต่คนสนใจพรรคนี้เหลือเกิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตนเป็นหัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบ

ด้านนายสุภดิช กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองนี้เกิดจากเพื่อนสนิทมารวมตัวกัน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็ช่วยกันออก สาเหตุที่เชิญนายมิ่งขวัญมาร่วมก็เพราะ มีความจงรักภักดี พิสูจน์เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตแล้ว และมีความสามารถแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจ ขอยืนยันว่า พรรคมีเอกภาพ ดำเนินการทางการเมืองยึดมั่นตามคำสัญญาที่ให้ไว้ รักษาคำพูด ยืนยันว่า ไม่มีงูเห่าแน่นอน

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นมีบุคคลภายนอกมาครอบงำสมาชิกพรรคนั้น ยืนยันว่าไม่จริง เพราะบุคคลที่อ้างว่าเป็นคนครอบงำพรรคนั้นเป็นเพื่อนของตนที่ร่วมก่อตั้งพรรค และเป็นสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนพี่ชายเขาก็เป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย และที่ผ่านมาพรรคมีการจัดประชุมผู้สมัครส.ส. นายมิ่งขวัญเข้ามาอบรมแบ่งเป็นเป็นภาค

เมื่อถามว่า ได้คุยกับคนที่ไปยื่นยังกกต.หรือยัง นายสุภดิช กล่าวว่า ไม่ได้คุย เขาทำผิดข้อบังคับพรรค ขอดูเรื่องกฎหมายก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่า เรื่องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จะส่งผลให้เกิดรอยร้าวในพรรคหรือไม่ นายสุภดิช กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ พรรคนี้ไม่มีรอยร้าวแน่นอน

นายมมิ่ง กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้จริงๆ จะไปสืบสาวราวเรื่องหรือไม่ ก็ไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่ของกกต.

เมื่อถามถึงจุดยืนว่า จะไปร่วมกับพปชร.หรือไม่ นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ไม่ร่วม นับจากวันที่ 23 มี.ค.ก่อนเลือกตั้ง มีสำนักข่าวหนึ่ง บอกว่า ตนจะไปร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ร่วมตั้งรัฐบาล ตนจึงขออ่านแถลงการณ์ครั้งนั้นทวนอีกครั้งว่า สูตรการจัดตั้งรัฐบาลเป็นวิจารณญาณของแต่ละท่านท่าน แต่อาจก่อให้เข้าใจคลาดเคลื่อน

พรรคเศรษฐกิจใหม่ใหม่จึงขอแถลงจุดยืนว่า ไม่อาจร่วมพชปร.ได้ เพราะอุดมกาณ์ทางการเมืองต่างกัน และประกาศจุดยืนมาทุกเวที ขอยืนยันว่า จุดยืนและอุดมกาณ์ดังกล่าว จะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ขอทำงานร่วมกับฝั่งประชาธิปไตยและคำนึงถึงความซื่อสัตย์สุจริตและผลประโยชน์ของชาวไทย ถ้ามีการกล่าวอ้างถึงประชาธิปไตย

แต่ทำงานไม่ซื่อสัตย์จะขอถอนตัวออกมาทันที ลงวันที่ 23 มี.ค. ก่อนเลือกตั้ง 1 วัน ต่อมาเราก็ออกแถลงการณ์อีก เรื่องการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีข่าวปล่อยออกมาเป็นตุเป็นตะว่า จะร่วมกับพปชร. โดยตนเจรจาต่อรองตำแหน่ง ก็ระบุว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นจริง ตัวผมเองไม่เคยเจรจาทางการเมือง ลงวันที่ 13 เม.ย.

“ผมไม่ได้ต้องการ ผมไม่มีความสุขกับแฮชแท็ก ลุงมิ่งโป๊ะแตก จนแซงแบล็กพิงค์ จึงต้องออกมาบอกว่า ไม่ก็คือไม่ 1.ผมไม่ได้มีความรังเกียจ หรือโกรธ อะไรกับพปชร. เป็นคนรู้จักพี่น้องเพื่อนฝูงกันทั้งวงการ 2. อดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน ผมก็บอกไม่ และ3.หลายคนบอกเดี๋ยวเปลี่ยน เป็นงูเห่าตลอดเวลา ผมก็บอกว่า ไม่ ในวันลงนามสัตยาบันนั้น ตนไม่ได้ไปเพราะมีนัดผู้ใหญ่ขอดูคะแนนดิบ แต่เขามาเจรจากันตอนกลางคืน ก็บอกไปว่า จะเสียผู้ใหญ่ถ้าไม่ไป ก็ไม่มีอะไร”นายมิ่งขวัญกล่าว

เมื่อถามว่า จุดยืนยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า “ชัดเจน ไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ต้นจนจบ”

เมื่อถามว่า การมีคนฟ้องยุบพรรค เกี่ยวกับจุดยืนที่ไม่ร่วมกับพรรคอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ จะจัดแถวยังไงไม่ให้แตกอีก นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จุดยืนตนเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรก ตัวเลขล่าสุดเศรษฐกิจใหม่ก็มีส.ส.พึงมี 6.88 ซึ่งต้องได้ 7 แต่ไม่ว่าได้ 6 หรือ 7 เราจะอยู่จุดนี้ ไม่ไปอยู่พปชร.

นายสุภดิช กล่าวว่า เรื่องทะเลาะเบาะแว้งไม่มี พรรคไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ส่วนส.ส.แต่ละคนจะเป็นอย่างไรนั้น พรรคนี้มีเอกภาพ ไม่ว่าจะเป็น 6 หรือ 7 จะไปทางเดียวกันทั้งหมด ไม่มีแยก 5 ต่อ 1 หรืออะไรแบบนั้นแน่นอน