“ชัชชาติ” เตือนนโยบายแจกเงินทำไม่ได้ กระทบสถานะการคลัง ชี้ “เพื่อไทย” เน้นแก้โครงสร้างศก.ให้ดีก่อน

วันที่ 14 มีนาคม 2562 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย และนายสุรสาล ผาสุข ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสิงห์บุรี หมายเลข 5 ร่วมรับฟังปัญหาและพูดคุยกับนักธุรกิจ และผู้ประกอบการร้านค้าจากสมาคมต่างๆ ในจังหวัด โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เกิดมาจากราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำ เกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้นการแก้ปัญหาระยะสั้นคือแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร ด้วยการใช้เทคโนโลยีและการตลาดเข้ามาช่วย ขณะที่เรื่องอ้อย รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเปลี่ยนนโยบายช่วยเหลือเนื่องจากกลัวการค้ากับบราซิล กองทุนอ้อยและน้ำตาลจึงไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เหมือนเดิม รายได้หลังหักต้นทุนเหลือราคา 400 บาท เกษตรกรจึงอยู่ไม่ได้ ขณะที่ข้าวเกษตรกรควบคุมราคาเองไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับราคาในตลาดโลกที่มีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา ถ้ายังขายของเดิมก็จะขายได้ยาก ในอนาคตต้องหาการพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้ามาช่วย เช่น การเลือกสายพันธุ์ข้าวที่ดี เกษตรกรทันสมัยใช้เทคโนโลยี และมีพืชผลการเกษตรตัวอื่นมาปลูกเพื่อสร้างรายได้เสริม เช่น จังหวัดมหาสารคามปลูกผักออร์แกนิกเสริมจากข้าว รัฐบาลต้องช่วยเหลือเรื่องเงินทุนและเทคโลโลยี แต่การช่วยเหลือของรัฐบาลต้องไม่ช่วยแบบเดียวกันหมด แต่ต้องขึ้นอยู่กับท้องที่ อย่างไรก็ตามตนมองว่าสิงห์บุรีมีโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมสะอาด เพราะการขนส่งค่อนข้างดี ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และท่าเรือ แต่ยืนยันว่าต้องเป็นอุตสาหกรรมสะอาด นอกจากนี้ยังต้องเน้นการท่องเที่ยวที่จะไปได้กับการเกษตร และไปพร้อมกัน 3 ขาอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายชัชชาติ กล่าวว่า หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเศรษฐระดับฐานรากไม่ดี แต่รัฐบาลบอกเศรษฐกิจดี เพราะบริษัทขนาดใหญ่ เศรษฐกิจระดับบนดี เพราะอยู่ใกล้ศูนย์อำนาจ มีโครงสร้างที่เอื้อ แต่ระดับล่างไม่มีผู้แทนประชาชน จึงทำให้รัฐไม่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาระดับล่างได้ และจากสถิติรายได้ต่อหัวสูงที่เขต EEC แต่ไม่มาถึงต่างจังหวัด เป็นเศรษฐกิจแบบแข็งบน อ่อนล่าง, แข็งนอก อ่อนใน เพราะพึ่งพาการส่งออก, แต่ก่อนเศรษฐกิจแข็งกว่านี้ แต่ตอนนี้คนไม่กล้าลงทุนเพราะคนกังวล ต้อง
ให้การส่งออกและการท่องเที่ยวพัฒนาไปพร้อมกัน พอ 2 ล้อนี้ไปได้แล้วจึงเน้นเรื่องการลงทุน ไปควบคู่กับภาครัฐให้การช่วยเหลือ ด้วยการ ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี และสร้างเศรษฐีใหม่ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย และถ้าประเทศไทยเน้นการผลิตเกษตรอินทรีย์โดยใช้เทคโนโลยีขอแค่ 5% ของโลก ประเทศไทยก็จะอยู่ได้

ขณะเดียวกัน ตนไปเดินตลาด พ่อค้าแม่ค้าบอกรายได้ไม่ดีเพราะเศรษฐกิจไม่ดี อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด อาจจะมาจากโลกเปลี่ยนแล้ววิธีการค้าขายเปลี่ยนไปทันสมัยขึ้น (Modern Trade) การค้าขายแบบเก่าจึงขายได้ลดลงเพราะโครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยน เงินไม่หมุนในระบบ แต่เงินเข้าทางออนไลน์ไปสู่บริษัทใหญ่ที่ปรับตัวทัน รัฐบาลต้องช่วยดูให้ประชาชนมีองค์ความรู้ในการปรับตัว ขณะเดียวกันนายชัชชาติ กล่าวว่า พรรคเล็กพรรคน้อยสามารถเสนอนโยบายประหลาด หรือขายฝันได้ เพราะไม่ได้คาดหวังเป็นรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยที่คาดหวังการเป็นรัฐบาลและทุกนโยบายต้องทำได้จริง ไม่เน้นการแจกเงิน แต่ต้องทำให้เศรษฐกิจโต พอเศรษฐกิจโตก็จะสามารถแจกเงินช่วยเหลือคนจนได้เต็มที่ หลายคนบอกทำไมพรรคเพื่อไทยไม่แจกเงิน เพราะพรรคมองว่าหัวใจสำคัญคือต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ แล้วจะมีเงินแจก เพราะการแจกเงินมาจากภาษีประชาชน แต่ประเทศไทยยังไม่มีระบบภาษีใหญ่โตเหมือนยุโรปที่เป็นรัฐสวัสดิการได้ เช่น งบดูแลเด็กแรกเกิด พรรคจะแจกเท่าที่แจกได้ แต่เน้นไปสร้างศูนย์เล็กเด็กที่ดี มีคนมาดูแล ทุกคนใช้ร่วมกัน พอเด็กโตแล้ว เด็กรุ่นใหม่มาใช้ได้ เป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่า ไม่ใช่แจกอย่างเดียว เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เมษายนนี้เงินจะหมดแล้ว แล้วจะทำยังไงต่อ? และสถานะทางการเงินและหนี้ของประเทศจะผูกพันไปอีกหลายปี นอกจากนี้นายชัชชาติยังกล่าวเสริมว่า พรรคมีนโยบายไทยทำ สร้างแบรนด์ไทยให้เข้มแข็ง ทั้งการท่องเที่ยว อาหาร และผลิตภัณฑ์ ไม่ต้องเน้นความไฮเทคมาก แต่เน้นไฮทัช ให้มีคุณค่าและจับต้องได้

เมื่อประชาชนถามว่าชาวนาจะได้ผลผลิตราคาสูงเท่ากับสมัย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ นายชัชชาติ ชี้แจงว่า หากเป็นข้าวหอมมะลิจะมีราคาเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน ช่วยเหลือต้นทุนการผลิต 36,000 – 75,000 บาทต่อครัวเรือน และยืนยันว่าทำได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ประชาชนยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องยาเสพติด การคมนาคมเชื่อมต่ออำเภอกับตัวเอง การป้องกันโรค และมาตรฐานของโรงเรียนและวิทยาลัยอาชีวศึกษา เพื่อฝากให้พรรคเพื่อไทยไปพัฒนาเป็นนโยบายต่อไป อีกทั้งยังมีการฝากเรื่องการเก็บข้าวเพื่อชะลอขายข้าวให้ได้ราคาดี ไม่ขายพร้อมกันจำนวนมากในตลาด ซึ่งนายชัชชาติ กล่าวเสริมว่า ต้องมีการดึงผลิตผลการเกษตร เช่น ข้าว มาแปรรูปเป็สินค้าอื่นด้วย เพื่อให้ความต้องการข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นด้วย

เมื่อประชาชนถามเรื่องการกำกับดูแลองค์อิสระให้บริสุทธิ์ยุติธรรม นายชัชชาติ กล่าวว่า องค์กรอิสระต้องคานด้วยประชาชน ประชาชนต้องเข้มแข็งและช่วยกันติดตาม ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่วันเลือกตั้ง แต่เราต้องช่วยกำกับดูแล อนาคตของสิงห์บุรีอย่าให้พรรคเพื่อไทยกำหนด แต่ให้ประชาชนกำหนดกันเอง รวมกลุ่มกันให้เข้มแข็ง แล้วมาบอกว่าอยากทำอะไร รัฐบาลจะสนับสนุนเต็มที่ให้เงินทุนในการทำ เพราะรัฐบาลไม่สามารถตัดเสื้อโหลให้ประชาชนทุกจังหวัดได้ เพราะส่วนกลางไม่เข้าใจท้องถิ่นได้ดีเท่าคนในท้องถิ่น นโยบายของพรรคจึงเป็นการกระจายอำนาจลงสู่พื้นที่