วันที่ 13 มีนาคม สถานการณ์ฝุ่นพิษ ในพื้นที่ภาคเหนือยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของ จ.เชียงใหม่ มีหมอกควันปกคลุมอย่างหนาแน่น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ทั้งยังทำให้อันดับพุ่งขึ้นสูงเป็นที่ 1 ของโลกจากการวัดของเว็บไซต์ AirVisual

ขณะที่การแก้ปัญหาของภาครัฐ ยังไม่ออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ชาวบ้านต้องเผชิญกับฝุ่นควันด้วยตัวเอง

ทำให้ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลุ่มหนึ่ง ออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการถวายหน้ากากอนามัย ให้กับศาลช้าง เพื่อหวังให้สถานการณ์ดีขึ้น

โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กMew Thammajak โพสต์ภาพ พร้อมข้อความ ระบุว่า “เมื่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่สามารถช่วยได้ ก็คงต้องเป็นภาระสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นหนทางสุดท้ายแล้วแหละ ”

ปัญหาฝุ่นควันซึ่ง เป็นมลพิษ โดยเฉพาะPM2.5 ไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อวาน วานซืนหรือวันนี้ มันเกิดขึ้นเเละเป็นปัญหามาเป็นเดือนๆแล้ว ผู้มีอำนาจหรือภาครัฐในจังหวัด ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ (อย่าว่าแก้ไขปัญหาให้หายไปเลย ให้มันลดลงก็ยังยาก)

แล้วผลลัพธ์คืออะไร ทุกคนในเชียงใหม่ต้องอยู่ในภาวะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ นี่ก็ได้ที่1 เมืองมลพิษของโลกมาสองวันติดกันแล้ว ดังนั้นจึงขอให้มีมาตรการเด็ดขาดและทันทีเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร็ว

ในส่วนมหาวิทยาลัย ก็จะต้องมีส่วนเข้ามาแก้ไขและ ช่วยเหลือนศ. ซึ่งที่ผ่านมาได้มีกลุ่มนักศึกษาเข้ายื่นหนังสือถึงมหาลัยแล้ว และล่าสุดมหาลัยก็ได้จัดซื้อหน้ากากอนามัยชนิด N95 แจกจ่ายนศ. มีการจัดอบรมให้ความรู้ ในวันที่19มีนา(อีกเจ็ดวัน) ซึ่งอาจไม่ทันการ อีกทั้งจะมีการมอบเป็นพิธีและถ่ายรูปร่วมกันอีก คิดแล้วเหนื่อยใจ

แต่อย่างไรในขั้นต้นเราก็จะต้องดูแลตัวเองเป็นประการแรกก่อนเพราะสุขภาพเป็นของตัวท่านเอง ประการต่อมาก็คงจะต้องเป็นผู้มีอำนาจแก้ไขปัญหา โดยต้องแก้ไขอย่างเด็ดขาดและทันทีไม่เช่นนั้นเชื่อได้ว่าจะมีคนล้มป่วยมากขึ้นอย่างแน่นอน

ประการสุดท้ายเป็นหน้าที่ของชาวเชียงใหม่และทุกๆคน ที่จะช่วยกันลดการก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นในระยะยาว