เมื่อ 13 มี.ค. เอพี รายงานสถานการณ์นานาประเทศระงับการใช้เครื่องบินโบอิ้ง รุ่น 737 แม็กซ์ 8 ว่าขยายวงออกไปเรื่อยๆ รวมถึงสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร แถลงห้ามเครื่องบินรุ่นนี้บินเข้าน่านฟ้า หลังเกิดอุบัติเหตุโบอิ้งรุ่นนี้ตกซ้ำ ภายในเวลา 5 เดือน

โศกนาฏกรรมล่าสุดเกิดกับเที่ยวบิน อีที 302 ของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลนส์ ตกใกล้เมืองหลวง ของเอธิโอเปีย หลังจากเพิ่งบินขึ้นไม่นาน คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือรวม 157 ศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. ต่อจากเหตุสลด เที่ยวบิน 601 ของสายการบินไลอ้อนแอร์ ตกหลังจากออกจากสนามบินกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียได้ไม่นาน คร่าชีวิตคนบนเครื่อง 189 ศพ เมื่อเดือนต.ค.2561

องค์การความปลอดภัยด้านการบินของยุโรปตัดสินใจห้ามเครื่องโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 บินเข้าน่านฟ้า ตามที่รัฐบาลและสายการบินของชาติเอเชียและตะวันออกกลางตัดสินใจเช่นนี้ไปก่อน เพราะเห็นว่า โศกนาฏกรรม ที่เอธิโอเปียและอินโดนีเซียคล้ายคลึงกัน

ส่วนอังกฤษเห็นว่า ในเมื่อไม่ได้ข้อมูลที่แน่ชัดจากกล่องบันทึกการบิน จึงควรระงับการใช้เครื่องบินุร่นนี้ไว้ก่อน

สำหรับสายการบินที่ใช้โบอิ้งรุ่นนี้และจะได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ เตอร์กิช แอร์ไลนส์, โอมาน แอร์, นอร์วีเจียน แอร์ ชัตเทิล, อีสตาร์ เจ็ต ของเกาหลีใต้  เช่นเดียวกับสายการบินของไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ที่สั่งระงับการใช้เครื่องบินรุ่นนี้แล้วทั้งหมด

ด้านบริษัท โบอิ้งของสหรัฐ แจ้งว่ายังไม่มีเหตุผลที่จะถอนการใช้เครื่องบินรุ่นนี้ และทางบริษัทยังไม่มีแผนใดๆ ที่จะออกคำแนะนำเพิ่มเติมแก่ลูกค้าที่ซื้อเครื่องไป ขณะนี้บริษัทส่งทีมงานไปร่วมกับทีมเทคนิคของสหรัฐ อิสราเอล เคนยา และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เร่งสอบสวนเหตุโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ตกในเอธิโอเปียแล้ว