“เพื่อชาติ” ชี้ เกือบ 5 ปี คสช. สังคมไทยได้ทั้ง “เหลื่อมล้ำ-แบ่งแยกแล้วปกครอง-ปฏิรูปเก๊”

วันที่ 8 มีนาคม 2562 นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้ 5 ปีภายใต้การบริหารงานรัฐบาลเผด็จการ คสช สังคมไทยได้อะไรบ้าง

1. ได้ความเหลื่อมทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย มีคนจนเพิ่มขึ้น เกือบล้านคนระหว่างปี 2558-2559 คนฐานรากค้าขายฝืดเคือง พืชผลเกษตรราคาตกต่ำเช่น ยางราคา 4 กิโลกรัมหนึ่งร้อยบาท แต่คนรวยบางคนที่ได้สัมปทานผูกขาดจากภาครัฐมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นแสนห้าหมื่นล้าน จากกรณีนี้คือส่งเสริมนิสัยเห็นแก่ตัวมือใครยาวสาวได้สาวเอา รวยอยู่แล้วก็ไม่พอต้องเอาเปรียบให้รวยขึ้นไปอีก

2. ได้พิสูจน์ว่าเผด็จการไม่คิดที่จะแก้ไขความขัดแย้ง ต้องการคงความขัดแย้งเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง หลักฐานจากการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ถูกเรียกเข้าไปเสนอแนวคิดแก้ปัญหาความขัดแย้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีการนำไปปฏิบัติ มีแต่การกดขี่เสรีภาพฝั่งตรงข้ามแล้วอ้างว่าบ้านเมืองสงบ แต่ละเว้นสำหรับฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการ นี่ก็เป็นพฤติกรรมการเห็นแก่ตัวเพื่อยึดครองอำนาจให้ยาวนาน

3. ได้เห็นการคอรัปชั่นที่ตรวจสอบไม่ได้ (จีที200/เรือเหาะ/นาฬิกายืมเพื่อน/ตั้งบริษัทรับเหมาในค่ายทหาร ฯลฯ) กรณีนี้บ่มเพาะนิสัยขี้โกงและอันธพาลให้สังคมไทยโดยใช้กำลังและกฏเผด็จการบังคับไม่ให้ประชาชนพูดใครพูดจับขึ้นศาลทหาร

4. ได้เห็นการปฎิรูปแบบจอมปลอม ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม นอกจากใช้พลังดูดเอานักการเมืองประเภทน้ำเน่างูเห่าเข้ามาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ นี่ก็ฝึกนิสัยพูดดีใส่ตัวพูดชั่วให้คนอื่นและนิสัยพูดเท็จ ทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจหรือสิ่งที่อยากได้

5. ได้เห็นวิสัยทัศน์และความไม่สามารถควบคุมตนเองของเผด็จการ จากกรณีข้าวราคาตกไล่ไปปลูกหมามุ่ยแทนข้าว ส่วนยางราคาตกให้ส่งออกไปขายที่ดาวอังคาร การปาเปลือกกล้วยใส่ศีรษะผู้สื่อข่าว การจะทุ่มโพเดียมใส่สื่อเมื่อเจอคำถามที่ความคิดเห็นต่าง นี่เป็นการส่งเสริมนิสัยดูถูก กดขี่ คนอ่อนแอ แบ่งชนชั้น โดยผู้นำเผด็จการคิดว่าตนเป็นนาย ประชาชนเป็นบ่าว

6. ได้เห็นการแก้ไขความมั่นคงที่ล้มเหลว งบกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2557 งบกลาโหม 1.8 แสนล้าน เพิ่มเป็น 2.2 แสนล้าน มีอาวุธกำลังพล และเครื่องมืออย่าง ม.44 ภาวะฉุกเฉิน กฎอัยการศึก มีครบแต่ 3 จ.ชายแดนใต้ยังมีระเบิดเกิดขึ้นประจำ รวมทั้งเกรงกลัวปฎิทินและขันแดง กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่างบประมาณไม่ได้แปรผันตามความมั่นคง อีกทั้งมีการโกรธเมื่อจะโดนตัดงบประมาณ นี่คือลักษณะนิสัยเห็นแก่ตัวไม่พิจารณาความสามารถตนเองในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ พอมีผู้ชี้ความบกพร่องแทนที่จะขอบคุณกลับโกรธ

7. ได้เห็นการโกหก กลับกลอก ตอนเข้ามายึดอำนาจบอกขอเวลาอีกไม่นาน บอกว่าเกลียดนักการเมือง แต่ดูดนักการเมืองที่เกลียดมาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจต่อ นี่คือบ่มเพาะพฤติกรรมไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตน

8. ได้เห็นพฤติกรรมพวกที่อ้างตัวว่าเป็นคนดี ที่หนีการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยการเขียนรัฐธรรมนูญเอง แตรกลับหนีการตรวจสอบ แล้วก็ออก ม. 44 มายกเลิกการตรวจสอบทรัพย์สิน นี่คือการบ่มเพาะนิสัยไม่สุจริตให้สังคม

“สรุปได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เผด็จการได้บ่มเพาะให้สังคมไทย คือความเห็นแก่ตัว ขี้โกง อันธพาล แบ่งชนชั้นให้ประชาชนเป็นบ่าว เผด็จการเป็นนาย ไร้การปฏิรูป ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทำให้สังคมไทยเสียเวลาและเสียโอกาสในการแข่งขัน ดังนั้นวันที่ 24 มีนาคมนี้ ประชาชนมีทางเลือก 2 ทาง คือ 1. ถ้าประชาชนต้องการให้ประเทศเหลื่อมล้ำเห็นประชาชนไม่เท่ากัน ต้องการเป็นบ่าวหานาย เลือกพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ 2. ถ้าประชาชนอยากมีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียม มีการกระจายทรัพยากรที่เป็นธรรม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเลือกพรรคเพื่อชาติ หรือพรรคฝั่งประชาธิปไตย” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวทิ้งท้าย