“จตุพร” ชี้ “ประวิตร” ตัวจริงแต่แรก หลังตั้งนั่งปธ.สรรหา ส.ว.

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วย ดร.รยุศด์ บุญทัน โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติ นายวัฒนา พัทรชนม์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่หาเสียงช่วย ดร.ไชยา ประดิษฐธรรม เบอร์ 12 ผู้สมัครพรรคเพื่อชาติ เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร-จอมพล ณ ตลาด กม.11 เขตจตุจักร จากนั้น พบปะประชาชน ณ ตลาด ปตท. และ ตลาดสด อตก.เขตจตุจักร แล้ว ขึ้นรถแห่จากตลาด อตก.ไปตามถนน พระราม 6 และถนนประดิพัทธ์

นายจตุพร กล่าวถึงกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่ประกาศ ไม่ยอมดีเบตอ้างว่าไม่กลัว พร้อมเล่นมุกไปถามตุ๊กตา ว่า ตนเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าธรรมชาติของพลเอกประยุทธ์ในช่วง 5 ปีนี้ คือการพูดฝ่ายเดียว โดยที่ไม่มีคนเห็นต่าง พูดต่อหน้า เพราะฉะนั้นพลเอกประยุทธ์ เมื่อคิดจะอยู่ในบัญชีนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ต้องรู้ชะตากรรมอย่างหนึ่งว่า ถ้าเป็นไปตามที่พลเอกประยุทธ์ต้องการ วันใดเข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีสภาพไม่เหมือนสภานิติบัญญัติ เพราะฉะนั้นทุกคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีฐานะเท่ากันกับนายกรัฐมนตรี สามารถลุกขึ้นอภิปรายนายกรัฐมนตรี พูดผิดสามารถใช้สิทธิ์พาดพิง ใช้สิทธิ์ในการโต้แย้ง ใช้สิทธิ์ในการให้ถอนคำพูดได้ ถ้าพลเอกประยุทธ์พูดผิดแล้ว มีคนยกมือให้ถอนคำพูด พลเอกประยุทธ์จะอยู่ในสภาพอย่างไร เพราะ 5 ปีนี้ ทุกคนก้มหัวฟังพลเอกประยุทธ์หมด แต่ในสภาผู้แทนราษฎรจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะฉะนั้น การไม่กล้าดีเบตของพลเอกประยุทธ์ ก็สะท้อนให้เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ไม่สามารถอยู่ในระบอบประชาธิปไตยตามปกติได้ ระบอบที่เหมาะที่สุดกับพลเอกประยุทธ์ คือเผด็จการเท่านั้นเพราะเป็นการพูดฝ่ายเดียว ไม่มีความเห็นต่าง ตนเองก็เห็นว่าถ้าพลเอกประยุทธ์จับพลัดจับผลู เข้าไปเป็นนายกฯอีกรอบ ตนคิดว่านี่คือกฎแห่งกรรม เข้าไปชดใช้กรรมมากกว่าเข้าไปทำงาน ความจริงพลเอกประยุทธ์น่าจะใช้โอกาสที่มี ดีเบต ซักซ้อมการเข้าไปอยู่ในสภา

นายจตุพร ยังกล่าวถึงเรื่องที่พลเอกประยุทธ์แต่งตั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ว่า เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อนอะไร ความจริงถ้าพลเอกประยุทธ์ฉลาดกว่านี้ เพียงแค่ลาออกจากหัวหน้าคสช.ลาออกจาก นายกรัฐมนตรี และให้พลเอกประวิตรเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภาพจะดูดีกว่ามาก เราต้องรู้ความจริงว่าคนที่จัดการประเทศตัวจริงของคสช.ที่มีศักยภาพสูงสุด ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ แต่เป็นพลเอกประวิตรในทุกๆเรื่อง เพราะฉะนั้นการตั้งพลเอกประวิตร ก็เป็นการอธิบายความกันว่า ในการคัดเลือกวุฒิสภา ก็ต้องใช้มือระดับพลเอกประวิตร

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีนี้ ตนเองก็เห็นว่าบทเรียนเรื่องการตั้งพลเอกประวิตรความจริง ถ้าไม่คิดให้สลับซับซ้อนเพียงแค่พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากหัวหน้าคสช.และ นายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้พลเอกประวิตร ทำหน้าที่รักษาการ จะแนบเนียนและมีศักยภาพมากกว่า เพราะเมื่อพลเอกประยุทธ์ นั่งเป็นหัวหน้า คสช.คนก็ไปร้องว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเอารัดเอาเปรียบคนอื่น สามารถใช้มาตรา 44 ได้ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง มีอำนาจที่จะปลดกกต.ได้ แต่การเมืองเป็นศาสตร์และศิลป์ ก็รู้อยู่ว่าคนที่จัดการตัวจริงในประเทศนี้ ก็คือพลเอกประวิตร เพียงแค่ถอยมา แล้วให้พลเอกประวิตรรับหน้าแทน พลเอกประยุทธ์จะได้ไปช่วยหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวโขน อย่างนี้เล่นง่ายกว่าเยอะ เพียงแต่ว่ากลยุทธ์ที่พลเอกประยุทธ์ ยังคงนั่งตำแหน่งนายกฯและหัวหน้า คสช.จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเอง ได้ไม่ถึง 126 เสียง ตามที่ตนเคยท้า ทั้งที่เขาประกาศไว้ว่าจะได้ 150 เสียง ตนขอให้จำปากตนไว้ พรรคไหนที่อารมณ์ดีแสดงว่าจะชนะ พรรคไหนที่เริ่มขึ้นคำหยาบแล้วนี่แพ้ทุกราย เพราะรู้ว่ามันไม่เป็นไปตามเป้า จึงกลบเกลื่อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ความจริงทางการเมือง ในการคัดเลือก สนช.สปช.สปท.กรธ.ทั้งหลาย ก็ต้องใช้มือระดับพลเอกประวิตร เพราะพลเอกประวิตรนั้นในยุทธภพถือว่าเป็นคนที่กว้างขวาง 3 ป. ล้วนมีบุคลิกที่แตกต่าง พลเอกประวิตรมีเพื่อนพ้องน้องพี่เยอะ มีลักษณะพิเศษ เพราะฉะนั้นใช้บุคลิกภาพแบบพลเอกประวิตรเป็นประธานสรรหา ส่วนอีกด้านถ้าพลเอกประยุทธ์เป็นประธานสรรหาเอง ก็จะถูกกล่าวหาว่า เลือก แต่งตั้งคนที่จะมาเลือกตัวเอง แม้ว่าให้พลเอกประวิตรเป็นประธานสรรหาก็ตาม แต่ว่าโดยอำนาจที่แท้จริงแล้วท้ายที่สุด พลเอกประยุทธ์ก็ต้องลงนามแต่งตั้งอยู่ดี และ 250 สว. นั้นจะเป็นเสียงเอกฉันท์ที่จะยกมือให้พลเอกประยุทธ์ เพียงแต่พลเอกประยุทธ์จะหาเสียง 126 เสียงจากพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ช่วงเย็นยังคงมีกำหนดการ พบปะประชาชน ณ ตลาดนัดวังรุ้ง ถนนนวลจันทร์ 38-40 และ ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา กทม. เพื่อช่วยผู้สมัคร เขต 14 บึงกุ่ม คันนายาว นายชวิศ ชุมพล อีกด้วย