ท่าทีพรรคการเมือง ต่อกระแสข่าว พ.ร.บ.ข้าว เข้า สนช. หวั่นเอื้อนายทุนทำลายชาวนา

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 กลายเป็นที่ถูกพูดถึงในสาธารณชนมากในเวลานี้ นอกจากเรื่องข่าวการยุบพรรคไทยรักษาชาติ คือ ร่าง พ.ร.บ.ข้าว ที่กำลังถูกเสนอเข้า สนช.พิจารณาเห็นชอบ โดยนักวิชาการได้ออกมาแสดงความกังวลว่าให้คุณและโทษต่อระบบการผลิตข้าวของไทย พรรคการเมืองก็ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ด้วย

“เพื่อไทย” วอน สนช. อย่าฉวยโอกาสการเมืองวุ่น ผ่านกฎหมาย

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าระหว่างที่บรรยากาศทางการเมืองกำลังเข้มข้น หลังจากถูกปิดตายด้วยอำนาจเผด็จการมานานกว่า 5 ปี อาจทำให้ สนช.ฉวยโอกาสผ่าน” ร่าง พ.ร.บ.ข้าว พศ…” ที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนและทำลายชาวนาไทยให้ล่มสลาย ตามที่นักวิชาการจาก TDRI ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่ามีประเด็นใหญ่ที่น่าจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและการทำการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาและการค้าเมล็ดพันธุ์ ตามมาตรา 27 กฎหมายให้อำนาจเฉพาะการค้าเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่นหมายความว่า ชาวนาที่ทำเกษตรและมีวิถีชีวิตในการเก็บเมล็ดพันธุ์ใช้เองแบบในอดีตจะไม่สามารถทำได้ เพราะมีโทษสูงถึง จำคุก 1 ปี และปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และอาจทำให้อาชีพการทำนาของคนไทยถึงกับล่มสลายได้ กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงผลเสียของการทำงานที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนของ สนช. เพราะที่มาของ สนช.มาจากการแต่งตั้งของ คสช. และไม่มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลตามกลไกของรัฐสภา ทำให้ กม.ที่ออกมาหลายฉบับถูกตั้งข้อสังเกตอย่างมากจากสังคม” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่ออีกว่า แม้ระบบการตรวจสอบตามกลไกของรัฐสภาไม่สามารถควบคุมการทำหน้าที่ สนช.ได้ แต่เชื่อว่าการตรวจสอบจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคมจะเข้ามาทดแทนได้ จึงอยากเรียกร้องให้สังคมช่วยกันจับตาและออกมาส่งเสียงถึงความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของชาวนาไทย และประชาชนในสังคม ไม่ใช่แค่ประโยชน์ของพ่อค้าหรือกลุ่มทุน

“เพื่อชาติ” แนะชะลอก่อน ให้ส.ส.จากประชาชนรับดูแลต่อ ห่วงวงการข้าวพัง

ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึง ร่าง พรบ.ข้าว ซึ่งทางคณะกรรมาธิการวิสามัญ จะสรุปเตรียมจะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ในเร็ว ๆ นี้ ว่า ร่างฯฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาหลายส่วนที่เป็นปัญหา ส่งผลกระทบระยะยาวกับชาวนา และวงการข้าว ซึ่ง เวลานี้เป็นช่วงระยะเวลาก่อนการเลือกตั้งไม่นาน การพิจารณาสิ่งที่จะกระทบวงการข้าว ชาวนาอย่างชัดเจนเช่นนี้ ควรให้สภาที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณามากกว่า เห็นได้ชัดว่า เนื้อหาของร่างฯนี้ เกิดจากความไม่เข้าใจในปัญหาข้าว ไม่มีการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการร่างฉบับนี้ขึ้นมา แทนที่ พรบ.ข้าวจะช่วยพัฒนาวงการข้าว กลับเป็นการลดขีดความสามารถ ในการแข่งขัน ทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทย บทลงโทษก็ค่อนข้างรุนแรง เกินควร หากมีการบังคับใช้กฏหมายนี้จริง จะเกิดกรณีเหมือน ตายายเก็บเห็ด คนติดคุกมักจะเป็นชาวบ้าน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ นายทุนก็จะหาช่องตักตวงผลประโยชน์ได้อยู่ดี

ทั้งนี้ ตนมองว่า กฎหมายฉบับนี้ หากเป็นไปตามร่างฯดังกล่าว จะยิ่งทำให้วงการข้าว ประเทศล้าหลัง จนถึงกาลอวสานในที่สุด คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากกฎหมายนี้ คือ นายทุน ที่รับซื้อผลผลิต ขายเมล็ดพันธุ์ ซึ่งมักทำการค้าแบบผูกขาด ขายทั้งปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ตัดต่อพันธุกรรม ตั้งเงื่อนไขต่างๆกับชาวนา ให้ไม่มีโอกาสต่อรองใดๆ เหมือนกฎหมายจะออกมาเอื้อนายทุนกลุ่มนี้จริงๆ

ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อชาติเห็นความสำคัญของพี่น้องชาวนา ซึ่งเป็นคนจำนวนมากของประเทศ เป็นรากฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หากพี่น้องชาวนามีความเป็นอยู่ รายได้ที่ดี ก็จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจทั้งระบบ จึงขอเรียกร้องให้ การพิจารณา พรบ.ข้าวชลอไว้ก่อน รอให้สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เข้ามาพิจารณาร่างฯนี้ต่อ ด้วยผู้แทนที่มาจากประชาชน จะสามารถเข้าใจวิถีชีวิตชาวนา รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมาพัฒนาเป็น พรบ.ข้าว ที่จะสามารถพัฒนาวงการข้าวได้อย่างแท้จริง เป็นประโยชน์กับประเทศชาติสูงสุด กว่าผู้แทนที่มาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลทหาร ที่ทำให้ทุกวงการในประเทศตกต่ำมาตลอดห้าปี