สรุปข่าวต่างประเทศ : อังกฤษตกกับภาวะวุ่นวายเบร็กซิท / เหตุโจมตีดุสิตD2ไนโรบี / คืบหน้าเจรจาปลดนิวเคลียร์

อังกฤษ

ลอนดอน – สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า สถานการณ์ในอังกฤษตกอยู่ในภาวะวุ่นวายหนัก หลังจากรัฐสภาอังกฤษโหวตคัดค้านร่างข้อตกลงเบร็กซิทของรัฐบาลนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีจากพรรคอนุรักษนิยม ด้วยคะแนนเสียง 432 ต่อ 202 เสียง โดยมี ส.ส.ในพรรคอนุรักษนิยมของนางเมย์เองร่วมโหวตคัดค้านด้วยถึง 118 เสียง จนสร้างความพ่ายแพ้ย่อยยับให้กับรัฐบาลนางเมย์ ซึ่งถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของการเมืองยุคใหม่อังกฤษเลยทีเดียว และส่งผลให้นายเจมส์ คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงาน ฝ่ายค้านอังกฤษ ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางเมย์ในทันที ที่จะต้องรอดูต่อไปว่าจะส่งผลให้กระบวนการเบร็กซิท หรือการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป ด้านนางเมย์แสดงท่าทีประนีประนอมหลังร่างข้อตกลงเบร็กซิทของตนเองถูกตีตกไป โดยให้คำมั่นว่าพร้อมจะเจรจาหารือและรับฟังความคิดเห็นจาก ส.ส.ทุกคนเพื่อหาทางแก้ปัญหาและให้ร่างข้อตกลงเบร็กซิทได้รับการยอมรับสนับสนุนจากสภา

ขณะที่มีปฏิกิริยาไม่พอใจจากเหล่าผู้นำชาติอียูต่อการคว่ำร่างข้อตกลงเบร็กซิทของนางเมย์ที่ได้บรรลุความเห็นพ้องไว้กับอียูก่อนหน้านี้ โดยหนึ่งในความเห็นนั้นมาจากนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ที่เรียกร้องให้อังกฤษออกมาพูดให้ชัดเจนในเรื่องนี้ว่าจะเอาอย่างไร ด้านนายฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวเตือนถึงความเสี่ยงของการเบร็กซิทแบบไม่มีข้อตกลง (โน-ดีล) ว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอังกฤษและอียู อาจทำให้เศรษฐกิจของอังกฤษเองชะลอตัว และยังจะสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดเงินด้วย นอกจากนี้ยังมีการมองถึงสถานการณ์ที่อาจเป็นไปได้ในกรณีเบร็กซิทต่อจากนี้ คือรัฐบาลนางเมย์พยายามเจรจาประนีประนอมใหม่เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย หรือการแยกตัวแบบไม่มีข้อตกลง ที่ก็อาจจะก่อผลกระทบเชิงลบทั้งต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปเอง และอีกแนวทางคือการจัดให้มีการลงประชามติใหม่เรื่องเบร็กซิท

REUTERS/Thomas Mukoya

เคนยา

ไนโรบี – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธก่อเหตุโจมตีโรงแรมดุสิตดี2 ที่ตั้งอยู่ในเขตเวสต์แลนด์ ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ากลุ่มชายติดอาวุธที่มี 4 คน ได้เริ่มปาระเบิดเข้าใส่รถยนต์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถ ซึ่งมีหนึ่งคนที่จุดระเบิดตนเอง ก่อนจะบุกเข้าไปภายในล็อบบี้ของโรงแรม หลังจากนั้นได้มีเสียงยิงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่ประธานาธิบดีอูฮูรู เคนยัตตา ของเคนยา จะประกาศว่าเหตุโจมตีโรงแรมดุสิตดี2 ซึ่งเป็นโรงแรมหรู 5 ดาว ที่ดำเนินมาเกือบ 20 ชั่วโมงได้ยุติลงแล้วและกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ถูกกำจัดไปได้ทั้งหมดแล้ว โดยผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีครั้งนี้อย่างน้อย 14 ราย และมีพลเรือนได้รับการอพยพช่วยเหลือออกมาได้ 700 คน

ขณะที่มีรายงานว่ามีชาวอเมริกัน 1 รายและชาวอังกฤษ 1 รายที่น่าจะเสียชีวิตในเหตุโจมตีด้วย แต่ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีจำนวนทั้งสิ้นกี่คน หลังเกิดเหตุ กลุ่มอัล-ชาบับ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในโซมาเลียออกมากล่าวอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ โดยกลุ่มอัล-ชาบับเป็นกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลโซมาเลียที่ไม่เพียงเคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงแค่ในประเทศโซมาเลียเท่านั้น แต่ยังมักก่อเหตุโจมตีไปทั่วในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก

เกาหลีใต้

โซล – สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างยอนฮัป สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ 3 คน ได้จองตั๋วเครื่องบินเพื่อออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งของจีนไปยังกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐเพื่อนำไปสู่การปลดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีเกิดขึ้น สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและยอนฮับยังอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า นายไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และนายคิม ยอง ชอล เจ้าหน้าที่อาวุโสของเกาหลีเหนือ อาจจะพบหารือกันที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 17 หรือ 18 มกราคมนี้ ซึ่งหมายความว่าทั้งสองฝ่ายอาจจะมีการประนีประนอมกันมากขึ้น หลังจากการเผชิญหน้ากันมานานหลายเดือนว่าจะดำเนินการผลักดันการปลดนิวเคลียร์และมิสไซล์ของเกาหลีเหนืออย่างไร

ทั้งนี้ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ให้คำมั่นที่จะทำงานเพื่อนำไปสู่การปลดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ในระหว่างการพบปะสุดยอดครั้งแรกกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ขณะที่นายปอมเปโอมีแผนที่จะพบหารือกับคู่เจรจาจากเกาหลีเหนือในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่การเจรจาดังกล่าวถูกยกเลิกไปในนาทีสุดท้าย ก่อนที่การติดต่อระหว่างกันจะเริ่มกลับมามีขึ้นอีกครั้งหลังจากนายคิม จอง อึน กล่าวสุนทรพจน์ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาว่าเขายินดีที่จะพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ทุกเมื่อ

และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีข่าวความเคลื่อนไหวที่สหรัฐและเกาหลีเหนือกำลังหาสถานที่เพื่อจัดประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-สหรัฐครั้งที่ 2 ว่าจะเป็นที่ใด โดยมีชื่อของสิงคโปร์ เวียดนามและไทยรวมอยู่ด้วย