‘เรืองไกร’ เก็บทุกรายละเอียด ร้องกกต.บิ๊กตู่ เปิดเฟสบุ๊ก เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อ ขัดรธน.

“เรืองไกร” ร้องกกต.ตรวจสอบ”บิ๊กตู่” เปิดเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อ ขาดคุณสมบัติการดำรงตำหน่งรมต.

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นคำร้องต่อกกต.ผ่านนายสมเกียรติ คงดี ผู้อำนวยการสำนักกิจการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ตรวจสอบพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ที่เปิดเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ส่วนตัวสื่อสารกับสาธารณะว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามมาตรา 160(6) ประกอบมาตรา 170(4) หรือไม่

โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า หลังจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้ามาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลแทนพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด นายกรัฐมนตรีก็มีความคิดที่จะเปิดเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ส่วนตัว โดยมียอดผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา160 กำหนดลักษณะต้องผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) คือต้องไม่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนมาตรา 3 และร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ที่สภาวิชาชีพสื่อมวลชนเป็นผู้เสนอรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบได้กำหนดความหมายของ ” สื่อมวลชน”ครอบคลุมถึงสื่อดิจิทัล สื่อออนไลน์ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องทราบว่า ที่ท่านเปิดเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ มันเข้าความหมายของสื่อมวลชนตามกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าวและต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรมต.

นายเรืองไกร ยังกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ 60 ไม่เพียงห้ามเฉพาะรมต.เป็นเจ้าของสื่อเท่านั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือแม้แต่ผู้ที่จะลงสมัครเป็นส.ส.บัญญัติห้ามไว้ ขนาดตนจะลงสมัครส.ส.ในเร็วๆ นี้อ่านกฎหมายเข้าใจยังต้องปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวไป

“การที่ท่านเปิดเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ เว็บไซด์ ทำให้ตัวท่านขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว เพราะมันอยู่ในความหมายสื่อมวลชนที่ท่านก็ทราบดีมาตลอด ไม่รู้ว่าจะเปิดทำไม ผมไม่ได้คิดเองเมื่อเจอกรณีนี้ก็ได้ย้อนกลับไปเทียบกับคดีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายรัฐมนตรี ที่กฎหมายก็เขียนห้ามไม่ให้เป็นลูกจ้างบุคคลใด ๆ กรณีนี้กฎหมายก็เขียนว่าไม่ให้เป็นเจ้าของสื่อมวลชนใด ๆ มันค่อนข้างเชื่อได้ว่าวันนี้นายกฯเข้าข่ายผิดแล้ว และมีน้ำหนักยิ่งกว่า 4 รมต.ที่โดยไปแล้วด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจพิจารณาตัวเองอย่างไรเป็นสิทธิของท่าน แต่ผมต้องการเตือนท่านว่า ถ้าท่านไปรับการเป็นผู้เสนอชื่อของพรรคการเมืองใด ท่านก็จะติดคุณสมบัติข้อนี้ด้วย ดังนั้นจึงอยากให้กกต.เร่งพิจารณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หรือถ้าส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วศาลวินิจฉัยว่าขนาดคุณสมบัติก็ไม่ใช่มีผลเฉพาะความเป็นรมต.สิ้นสุดลงเฉพาะตัวเท่านั้นแต่ยังจะทำให้ครม.พ้นทั้งคณะไปด้วย ”

มติชนออนไลน์