วันที่ 28 ธันวาคม 2561 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วมีมติ 5 ต่อ 3 เห็นว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้แสดงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะจากเอกสารหลักฐานพบว่านาฬิกาหรู 21 จาก 22 เรือน เป็นของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ และไม่มีข้อมูลหลักฐานเพียงพอ จึงตีเรื่องนี้ตกไป ในส่วนพยานหลักฐานของแหวนเจ้าปัญหาจำนวน 3 วง ระบุว่าเป็นทรัพย์มรดกของบิดา พล.อ.ประวิตร ที่ได้รับมาจากมารดาระหว่างดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีความจำเป็นต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

“เรื่องนี้หากมองในหลายๆประเด็น จะพบว่ามีเงื่อนงำหลายอย่างที่น่าสงสัย ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีอะไรเป็นมาตรฐานหรือตัวชี้วัดเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนว่ามีจริงหรือไม่ และเหตุใด คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเชื่อว่านาฬิกาเป็นของนายปัฐวาท เก็บที่บ้านตลอดจริง และจากการที่นายปัฐวาทได้เสียชีวิตไปนานแล้วนั้น ใครเป็นคนอนุญาตให้ยืม และด้วยเหตุผลกลใด ทำไมจึงไม่มีการเรียกร้องหรือทวงคืน เพราะนาฬิกามีจำนวนตั้งหลายเรือนแถมยังมีมูลค่าเป็นร้อยๆล้านบาท” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวต่ออีกว่า การตัดสินของคณะกรรการ ป.ป.ช.ในเรื่องนี้สร้างความคลางแคลงใจให้ประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก ว่า หากมีประชาชนคนอื่น โดนคดีแล้วให้เหตุผลว่ายืมมาจากเพื่อน จะรอดดังเช่น กรณีของ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ ซึ่งทางพรรคมีความเห็นว่านาฬิกาเป็นของใช้เฉพาะบุคคล จะเป็นไปได้หรือที่มีเพื่อนมาขอยืมใส่กันหลายคน เพราะขนาดของข้อมือแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน และในการซื้อขายนาฬิกาหรูราคาแพง จากบริษัทฯ น่าจะต้องมีการลงทะเบียนยืนยันการครอบครอง หาก ป.ป.ช. นำหลักฐานเหล่านี้มาแสดงให้กับประชาชนได้ทราบว่า ใครคือผู้ที่ซื้อนาฬิกาเหล่านี้มา คงจะช่วยไขความกระจ่างเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้คลายความเคลือบแคลง สงสัยในใจลงไปได้บ้าง