“ตู่”ไม่ปิดประตู ร่วมกิจกรรมการเมืองกับคนเห็นต่าง แม้ขัดใจแนวร่วมบ้างก็ตาม ชี้ทุกฝ่ายรักชาติด้วยกันทั้งสิ้น

วันที่ 15 พฤศจิกายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า เมื่อตอนที่สถาบันพระปกเกล้ามาทำวิจัยเกี่ยวกับ การสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติ ได้มีการสัมภาษณ์นักโทษในเรือนจำ ทุกฝ่าย พบว่า กว่า 80% ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองไหน ต่างมีความเห็นเหมือนกัน โดยเฉพาะความรักที่มีต่อชาติบ้านเมือง ในทุกมิติ อย่างไรก็ดี การพูดคุยระหว่างตนกับอดีตพระพุทธอิสระ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้พูดคุยอย่างเจาะจงเป็นเหตุการณ์ แต่เป็นการคุยในภาพรวมระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจเหมือนกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกคนมีส่วนทำให้เกิดทั้งสิ้น แต่หนทางข้างหน้า เราต้องเอาเรื่องของชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องหลักมากกว่าเรื่องของตัวเอง

“เราต้องเข้าใจแผ่นดินในยุคนี้ จะมีการชุมนุมลักษณะเดิมอีกไม่ได้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำหลายครั้ง ส่งผลให้องค์กรภาคประชาชนจะทำเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น อะไรเป็นทางที่สร้างความสงบสุข โดยเฉพาะความสามัคคี และ ความยุติธรรม ผมเชื่อว่าหากทุกฝ่ายนำไปเป็นธงนำแล้ว ความสงสุขทางการเมืองจะเกิดขึ้น”

เมื่อถามว่า จะมีการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้เห็นต่างทั้ง 2 ฝั่ง หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ทุกคนต่างแบกรับภาระทางความรู้สึกกันทั้งนั้น ทั้งตนและอดีตพระพุทธิอิสระนำเสนอเป็นการคลี่คลายอย่างหนึ่ง หากไม่คิดแบบนี้บ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ทั้งนี้ เราไม่ได้พยายามเปลี่ยนความคิดคนที่เห็นต่าง แต่ต้องการให้เห็นว่า เราอยู่ร่วมกันได้แม้ความเห็นต่างกัน แต่จะทำอะไรร่วมกันหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องของอนาคต

“บางคนบอกว่าผมเปลี่ยนไปรึเปล่า ผมยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ด้วยสังขารและอิสรภาพ ลดน้อยถอยลงอยู่ตลอด โดยเฉพาะแกนนำ พธม.และ นปช. ที่ป่วยและร่วงโรยเป็นจำนวนมาก เมื่อเวลาเหลือจำกัด อะไรที่สามารถแก้ปัญหาชาติได้ แม้ว่าเราต้องขัดใจกับพี่น้องเราบางคน ก็ต้องพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้”

นายจตุพรยังกล่าวถึงอนาคตในแวดวงการเมืองของตัวเองด้วย ว่า ตอนนี้ตนถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี หลังประกาศไม่ลงเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ แต่ในอนาคตหนทางยังคงยาวไกล และไม่รู้ว่าตอนนั้นเราจะคิดอะไร คงเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันใหม่ แต่ในตอนนี้ตนมีความสุขกับบทบาทที่เป็นอยู่